สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ - ไขปริศนาฆาตกรรมอิงประวัติศาสตร์

"ความดีของหนังสืออยู่ที่มีคนอ่าน
หนังสือเกิดขึ้นจากสัญญะที่พาดพิงถึงสัญญะอื่นๆ
ซึ่งย้อนกลับมาพาดพิงถึงสิ่งต่างๆ
หากปราศจากดวงตาที่อ่านหนังสือ
มันก็บรรจุเพียงสัญญะที่ไม่ก่อให้เกิดมโนทัศน์
ฉะนั้นมันย่อมกลายเป็นเบื้อใบ้"
(สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ, Umberto Eco)


"สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ (The Name of the Rose)"
ผู้เขียน: Umberto Eco
ผู้แปล: ภัควดี
สนพ. ไลต์เฮาส์พับลิชชิ่ง, 2553

เลือกเล่มนี้มาอ่านเป็นหนังสือเล่มแรกรับปีใหม่ 2558
อ่านจบใน 4 วัน หนังสือหนามาก ตัวหนังสือก็เล็ก
รายละเอียดนี่อัดแน่น เน้นๆ เลยทีเดียว
ซื้อมาจากงานหนังสือเมื่อ 2 ปีที่แล้วมั้ง ถูกใจสันกระดาษที่ไม่เท่ากัน
(ไม่ได้สนใจเนื้อเรื่อง หรือรู้เลยว่าหนังสือเล่มนี้มันดัง)

"สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ" ช่วงแรกนี่ไม่สนุกเอาเลย
อ่านไปด้วยความทรมานเพราะต้องดึงสมาธิกลับมาอ่านต่ออยู่เรื่อยๆ
เนื้อเรื่องเกิดในโบสถ์แห่งหนึ่งในอิตาลี ยุคกลาง
ผ่านบันทึกการบอกเล่าของแอดโซ พระในนิกายหนึ่งของศาสนาคริสต์
แอดโซซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงนวกะ มีเหตุต้องเดินทางร่วมกับภราดาวิลเลียมผู้เป็นอาจารย์
เมื่อไปถึงโบสถ์แห่งนี้ก็ต้องประสบกับเหตุคดีฆาตกรรมปริศนา
ภราดาวิลเลียมถูกเจ้าอาวาสขอให้ช่วยสืบความหาตัวคนร้าย และหยุดการฆาตกรรม
เนื่องด้วยศรัทธาในชื่อเสียงทางสติปัญญาของเขา

บุคคลหลายท่าน และเรื่องราวทางศาสนา (คริสต์)
ที่เกิดขึ้นในเรื่องอิงมาจากบุคคล และเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์ในยุคนั้น
ผู้เขียนใส่ข้อมูลมาเยอะมาก บทบรรยายก็ละเอียดวิจิตร
อ่านๆ ไปก็มีเบื่อๆ และไม่อินเพราะไม่มีพื้นความรู้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์เท่าไร
แม้ผู้แปลจะอุตสาหะค้นคว้าคำอธิบายมาให้ในเชิงอรรถก็ตาม
แต่มันก็ยังยากเกินกว่าสมองเม็ดถั่วของดิฉันอยู่ดี
เชิงอรรถที่อัดแน่นนี่ก็ส่วนหนึ่งที่ทำให้การอ่านไม่ค่อยสนุก
เนื่องจากบางหน้า หรือบางจุดมีรายละเอียดต้องอธิบายเยอะ
การกล่าวอ้างอิงถึงบุคคลก็มาก
เชิงอรรถที่รวมๆ แล้วก็หนาเป็นร้อยหน้าจึงไปแยกส่วนอยู่ท้ายเล่ม
อ่านๆ แล้วก็ต้องสะดุด หยุดไปเปิดหา เลยอ่านไม่ต่อเนื่องเท่าไร
ทำให้ไม่อินกับเรื่องเท่าที่ควร

ประเด็นที่อ่านแล้วชอบที่สุด
ก็ตอนที่กล่าวถึงสำนวนเปรียบเทียบอำนาจการเยียวยาของลิ้นสุนัข
ว่าเหมือน "การสารภาพบาป"
สารภาพบาปเพื่อปลดเปลื้องความรู้สึกผิดในใจ
ความรู้สึกผิดนี้ก็เปรียบเหมือนบาดแผล
เวลาสุนัขมีแผล มันก็จะเลียแผลตัวเอง รักษาตัวเองตามสัญชาตญาณ
(จนสัตวแพทย์ต้องใส่ที่ครอบรูปร่างเหมือนโทรโข่งให้มัน
ป้องกันมันเลียแผลนั่นแหละ)
และยังการที่สุนัขชอบหวนกลับไปกินอาเจียนตัวเองก็เป็นสัญญาณเตือน
ว่าเรามีโอกาสกลับไปทำบาปเดิมซ้ำสอง

ความรู้เป็นได้ทั้งคุณและโทษ
และในยุคที่มีการปิดกั้นความรู้ให้อยู่เฉพาะกลุ่มนักบวช
มีการล่าและเผาผู้ที่มีแนวโน้มใช้ "เวทมนต์" และเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนจักร
การพูด อ่าน เขียน หรือทำสิ่งใดพลาดเพียงนิดเดียว
ก็อาจทำให้ตัวเองขึ้นไปอยู่บนตะแลงแกงได้ง่ายๆ

เมื่ออ่านถึงตอนที่การสืบสวนคดีความเริ่มเข้มข้นนี่ก็สนุกน่าติดตามขึ้นเรื่อยๆ
ปริศนาเกี่ยวกับเขาวงกตในหอสมุดของโบสถ์นี่ก็เจ๋ง
ภาษาสำนวนโวหารที่ใช้ก็สวยอ่ะ
อย่างตอนที่แอดโซพรรณาถึงตอนที่กุ๊กกิ๊กกับเด็กสาวนั่นบรรยายได้เห็นภาพ
และโรแมนติกเอามากๆ อ่านแล้วเคลิ้ม
อ่านมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ดีนะ
หนังสือดี บางทีมันก็ไม่สนุก เหมือนภาพยนตร์อ่ะแหละ
ยังไงก็อยากจะขอแนะนำให้ลองหามาอ่านกัน
ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งก็ว่าได้
ถ้าอ่านผ่านช่วงแรกไปได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปก้าวหนึ่ง 55
ท้ายเล่มยังมีคำอธิบายของ Umberto Eco ถึงการเขียนหนังสือเล่มนี้
และที่มาของชื่อเล่มด้วย ทำไมต้องดอกกุหลาบ
เอาเป็นว่าบางทีคุณอ่านแล้วอาจจะชอบ จะได้มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันว่าอะไรยังไง

"หนังสือไม่ได้มีไว้ให้เชื่อ แต่มีไว้ให้ค้นคว้า
เมื่อเราพิจารณาหนังสือสักเล่ม อย่าถามว่ามันบอกอะไร
แต่จงถามว่ามันมีความหมายอย่างไร"
(สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ, Umberto Eco)

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

มี บีฟอร์ ยู

จอมนางคู่บัลลังก์ - ศึกรบ ศึกรักระหว่างกุนซือหญิงลือนามกับอ๋องนักรบมากความสามารถแห่งแคว้นศัตรู