ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ - อุ่นๆ กรุ่นๆ กับฉบับภาษาไทยโดยกำมะหยี่

"ถึงเราจะซ่อนความทรงจำไว้ที่ไหนสักแห่งได้มิดชิด
หรือปล่อยมันจมหายไปในที่ลึกได้แน่แล้ว
แต่เราก็ลบเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นไม่ได้...
เรื่องนี้จำไว้น่าจะดีกว่า เรื่องราวในอดีตนั้นลบไม่ได้
เปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้
เพราะนั่นเท่ากับฆ่าการดำรงอยู่ที่เรียกว่าตัวคุณไปเลย"
- สาละ
(ฮารูกิ มูราคามิ, ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ, สนพ. กำมะหยี่)


"ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ (Colorless Tsukuru Tazaki and His Years of Pilgrimage)"

ผู้เขียน: Haruki Murakami
ผู้แปล: มุทิตา พานิช
สนพ. กำมะหยี่, พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2557

ความประทับใจแรกที่มีต่อ ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ ฉบับภาษาไทยคือหน้าปก
ชอบโทนสีนี้ และพอเห็นของจริง กระดาษหน้าปกก็งาม มีลายริ้วๆ ด้วย
เวลาสัมผัสนี่ฟินเบาๆ การเข้าเล่มก็โอเค ตัวเล่มอ่อน ถือง่าย
ปกติเวลาอ่านหนังสือจะระวังหน้าปกมาก ไม่ชอบให้สันปกเป็นรอย
เพราะฉะนั้นถ้าเล่มไหนปกแข็ง สันแข็งจะค่อนข้างลำบากในการอ่าน
คือต้องอ่านแบบหนีบๆ นับว่ากำมะหยี่ทำหนังสือได้ถูกใจยิ่ง

สำหรับเรื่องย่อ เคยกล่าวไปแล้วใน
ขอไม่กล่าวซ้ำละกันนะ

เปิดอ่านบทแรก ก็ไม่ค่อยจะถูกใจกับการแทนชื่อเพื่อนๆ ของทสึคุรุด้วยสี 
แดง น้ำเงิน ขาว ดำ ไปแทนการทับศัพท์เสียงภาษาญี่ปุ่นสักเท่าไร
อย่างในฉบับภาษาอังกฤษ ผู้แปลก็ไม่ได้แปลเป็น Red หรือ Blue
แต่สะกดเป็น Aka (สีแดง), Ao (สีฟ้า), Shiro (สีขาว), และ Kuro (สีดำ)
แต่ว่าพออ่านไปเรื่อยๆ ลดอคติ และความยึดติดจากฉบับภาษาอังกฤษลง
ก็รู้สึกว่าการแปลชื่อเป็นสีไปเลยสำหรับภาษาไทยก็อาจจะดีกว่า
เพราะมันเห็นถึงความแตกต่างชัดเจนของเพื่อนๆ หลากสีสัน กับทสึคุรุที่ไร้สี
มองเห็นความแปลกแยกในความรู้สึกของทสึคุรุชัดขึ้น และน่าจะอ่านง่ายด้วยแหละ

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในเรื่องก็คือ "ความอิจฉาริษยา"
มูราคามิบรรยายได้เห็นภาพชัดเจนมาก ว่าความอิจฉาริษยาเป็นอย่างไร
"ความอิจฉาริษยา...คือกรงขังไร้ความหวังที่สุดในโลก"
ทำไมน่ะเหรอ?
เขาอธิบายไว้ว่า (น. 44)
คนที่อิจฉาริษยา ก็เหมือนคนที่ขังตัวเองไว้ในกรง เข้าไปในกรงเอง
ปิดล็อกขังตัวไว้ แล้วก็โยนกุญแจทิ้ง
อยู่ในนั้นโดนไม่มีผู้ใดรู้

"ไม่นึกเสียดายบ้างเลยหรือ?
ที่ความเข้าใจผิดไร้สาระอาจเป็นต้นเหตุให้เสียเพื่อนคนสำคัญไป
ที่ไม่แก้ไขความเข้าใจผิดซึ่งอาจแก้ไขได้หากพยายาม"
- สาละ
(ฮารูกิ มูราคามิ, ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ, สนพ. กำมะหยี่)

หากสาละไม่ผลักดันให้ทสึคุรุกลับไปเจอเพื่อนๆ อีกครั้ง
กลับไปถามเหตุผลที่ถูกตัดออกจากกลุ่ม
ทสึคุรุก็คงจะทนอยู่กับบาดแผลฝังลึกในจิตใจนั้นไปชั่วชีวิต
และคงไม่อาจเปิดใจให้ใครได้เต็มที่ หรือประคองความสัมพันธุ์ใดๆ ให้รอดตลอดฝั่ง
หาก 16 ปีก่อน เขาถามเหตุผลออกไป แล้วอธิบาย
หรือหากเพื่อนๆ หาวิธีพูดที่ดีกว่านี้กับทสึคุรุ แทนการตัดเขาออกแบบกระทันหัน
ความเจ็บปวด และบาดแผลของทุกคน อาจไม่ล้ำลึกมากเท่านี้หรือเปล่า?
และเรื่องเล่าจากปากของขาว (Shiro) นั้นเป็นเพียงจินตนาการจากอาการ "ป่วย"
หรือเหตุการณ์นั้นอาจเกิดขึ้นจริง?
เป็นไปได้ไหมว่าเธอออาจจะเจอประสบการณ์แบบเดียวกับทสึคุรุ
เมื่อครั้งที่ทสึคุรุประสบกับเหตุการณ์ประหลาดในคืนหนึ่งเมื่อครั้งที่ไฮดะมาค้างที่แมนชั่น
เสมือนจริงจนไม่อาจเป็นอื่นไปได้ แต่ก็ประหลาดเกินจะกลายเป็นเพียงฝัน
หลังอ่านจบก็รู้สึกเหมือนโดนหมัดต่อยเข้าที่ท้อง
มูราคามิเล่นงานเราเข้าแล้ว เฮียแกเล่นไม่เฉลยคำตอบในบางเรื่องที่เราอยากรู้
ปกปิดไว้คลุมเครือให้คิดต่อเอาเอง มันค้างคานะคะเฮีย
เขียนภาค 2 ไหม ยังไงคะ รออ่านผลงานเฮียนะคะ รักเฮีย จุฟๆ

"โดยพื้นฐานแล้ว พวกเราใช้ชีวิตอยู่ในยุคแห่งความไม่ใส่ใจ
แต่ก็อยู่ท่ามกลางข้อมูลเกี่ยวกับคนอื่นมากมายขนาดนี้
อยากได้เมื่อไรก็ค้นข้อมูลเหล่านั้นมาได้ง่ายดาย
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็แทบไม่รู้อะไรจริงๆ เกี่ยวกับพวกเขาเลย"
- สาละ
(ฮารูกิ มูราคามิ, ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ, สนพ. กำมะหยี่)

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

มี บีฟอร์ ยู

จอมนางคู่บัลลังก์ - ศึกรบ ศึกรักระหว่างกุนซือหญิงลือนามกับอ๋องนักรบมากความสามารถแห่งแคว้นศัตรู