เชียงคาน เมืองที่เวลา (เคย) หยุดหมุน

          เมื่อวันที่ 6 - 7 มิถุนายนที่ผ่านมา มีโอกาสกลับไปเยือนเชียงคานอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ละ จริงๆ เชียงคานนี่ควรไปหน้าหนาว จะได้เดินเที่ยวเล่นสบายๆ หน่อย และเผื่อได้เจอทะเลหมอก แต่ครั้งนี้เรากับชาวคณะดันผ่าไปเอาหน้าร้อน เพราะสายการบินหางแดงมีโปรโมชั่นตั๋วถูกเปิดเส้นทางสู่จังหวัดเลย ก็เลยหาเรื่องไปกันเล่นๆ แล้วก็หวังว่าอาจจะเจอฝนตกมาให้เย็นชุ่มฉ่ำบ้างเพราะจริงๆ มันก็เข้าหน้าฝนแล้ว แต่สวรรค์กลั่นแกล้งค่ะ เจอแต่แดด 55

          เคยเขียนบล็อกถึงเชียงคานไว้เมื่อปี 2012 แบ่งเป็นสองตอน เชียงคาน...เมืองที่เวลาหยุดหมุน ตอน 1 และ เชียงคาน...เมืองที่เวลาหยุดหมุน ตอนจบ ย้อนอ่านความทรงจำอันน่าประทับใจแบบเต็มๆ กันได้ ตอนนั้นไปช่วงหน้าหนาว แต่ตอนกลางวันก็ร้อนอยู่แหละ บล็อกนี้คงไม่ลงรายละเอียดอะไรมาก เพราะไป - กลับนี่รวมเวลาแล้วประมาณ 24 ชม. เอง อารมณ์แวะไปกินข้าว แล้วก็นอน ตอนเช้ากลับ เป็นอันจบทริป 555 ภูทอก แก่งคุดคู้ ก็ไม่ได้ไปค่ะ ไม่มีเวลาและขี้เกียจกันด้วย

          กลับมาเชียงคานรอบนี้แอบอึ้งกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง บางอย่างก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี บางอย่างก็ไม่น่าเปลี่ยนเลย เชียงคานเมืองที่เวลาเคยหยุดหมุน มาตอนนี้ไม่รู้ใครไปไขลานให้นาฬิกาในเมืองเก่าเล็กๆ เมืองนี้ให้เดินหน้าเสียแล้ว ครั้งล่าสุดที่ไปเมื่อปีสองปีก่อน เจอ 7-11 ที่ดีไซน์ร้านให้ "ดู" เก่า ทำป้ายเป็นไม้ๆ คราวนี้เจอ Lotus Express ค่าาาา มาในคอนเซ็ปเดียวกับ 7-11 เลย ทำป้ายเป็นแบบไม้ๆ อยู่ริมถนน ข้างๆ ร้านข้าวเปียกซอย 10 (ภาพทั้งหมดที่ลงในบล็อกนี้ถ่ายด้วย Fuji X20 ค่ะ ยืมกล้องเพื่อนมาถ่าย ไม่ได้ตกแต่งเพิ่มใดๆ ถ่ายมาแบบไหนลงแบบนั้น เพราะแต่งไม่เป็น)

Lotus Express เวอร์ชั่นเมืองเก่า

          ทริปนี้เราพักที่ ดิ โอลด์ เชียงคาน ซึ่งเปิดมานานละ เดินผ่านทีไรก็เห็นว่าสวย เพิ่งมามีโอกาสพักเอาครั้งนี้ ตัวโรงแรมมีสองชั้นค่ะ เสียดายที่ห้องพักวิวแม่น้ำมีคนจองเต็มละ เราได้ห้องพักวิวถนน กลางวันร้อนมากค่ะ แดดส่องเต็มๆ แอร์เอาไม่อยู่ แต่ถ้าลงไปนั่งเล่นข้างล่างด้านริมโขงก็มีลมพัดเย็นๆ ดีอยู่ค่ะ จองห้องพักผ่าน agoda ไป รวมภาษีและเซอร์วิสชาร์จแล้วหารออกมาตกคนละ 750 บาท (สามห้อง ไปทั้งหมดหกคน) จากสนามบินเลย เราใช้บริการแท็กซี่ค่ะ เหมามา 800 บาท (อัดมาคันเดียวหกคน แน่นมาก เพราะตอนนั้นมีอยู่แค่คันเดียว) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงเชียงคาน เช็คอิน เก็บของเรียบร้อยก็เช่าจักรยาน (วันละ 50 บาท ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมนั่นแหละค่ะ) ปั่นไปกินข้าวเปียกซอย 10 เจ้าอร่อย (ตรงข้ามวัดอะไรสักอย่างลืมชื่อ ร้านอยู่ริมถนนค่ะ ข้าง Lotus Express เลย หาไม่ยาก มีป้ายร้านยื่นออกมาริมถนนด้วย) กินเสร็จก็มุ่งหน้าไปร้านสังขยาคุณแม่ค่ะ กะไปนั่งชิลๆ จิบน้ำเย็นๆ กับขนมปังสังขยาแสนอร่อย แต่เสียดายที่ทางร้านเขาไม่เปิดให้นั่งทานในร้านละ มีแต่ take home สอบถามได้ความว่าทำขนมไป บริการหน้าร้านไปด้วยไม่ไหวค่ะ เขาทำกันเองสองคน ไม่มีคนช่วย ก็เลยให้ซื้อกลับอย่างเดียว เราก็เลยซื้อกลับไปนั่งกินรับลมเล่นตรงชานบ้านริมโขงของที่พัก ถ้าใครอยากซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือเอาไปเป็นของฝาก แจ้งเขาได้ค่ะ เขาจะให้เราสั่งทิ้งไว้ พร้อมระบุว่าจะมารับวันไหน กี่โมง

ระหว่างรอกุญแจ แวะมาชมวิวริมโขงตรงชานหลังที่พัก

วิวจากหน้าต่างระเบียงห้องพัก วิวถนน
เสียดายเปิดออกไปนั่งเล่นไม่ได้

ข้างเตียงสองฝั่งมีที่เอนหลังแบบนี้ ชิลๆ
ตอนกลางวันร้อน แอร์ไม่ค่อยเย็น
ถ้าหาที่นั่งริมโขงได้ รับลมธรรมชาติจะเย็นกว่า
ไม่ก็หาร้านกาแฟที่ติดแอร์นั่งเล่นดีกว่าค่ะ

กลอนล็อกประตู ชอบอ่ะ เก๋ดี

หัวเตียงประดับกรอบเก๋ๆ

มุมทีวี ตู้เย็น มีปลั๊กอยู่ข้างหลังทีวี
คือในห้องมีรูปลั๊กแค่ตรงหัวเตียงด้านขวารูเดียว
ที่เหลืออยู่หลังทีวี ชาร์จมือถือค่อนข้างลำบากเพราะมันจะอยู่ไกลมือ 55

มุมเสริมสวยเล็กๆ

ที่แขวนผ้า

ในห้องน้ำ
ทำไมถึงทำที่แขวนผ้าไว้ติดฝักบัวก็ไม่รู้
เวลาอาบต้องระวังน้ำกระเด็นไปโดนเสื้อ

วิวจากหน้าต่างตรงระเบียง
สายไฟฟ้านี่เอาลงดินได้ไหม
ถอยออกมาหน่อย ฟ้าใสดี

ห้ามสูบบุหรี่นะคะ

ชั้นสองแบ่งเป็นสองฝั่ง ตรงกลางทำโปร่ง
จุดเชื่อมมีศาลาเล็กๆ แบบนี้

มองไปด้านหลัง เห็นแม่น้ำโขง
ทิวไม้นั่นฝั่งลาวค่ะ

บันไดขึ้นลง

please mind your head between train and platform #ไม่ใช่ละ

ตู้โชว์ของเก่า

มียูนิฟอร์มนะโรงแรมนี้

ป้ายหน้าโรงแรม สนใจติดต่อตามเบอร์นั้นได้เลย

ฝั่งตรงข้ามนี่ก็ของดิ โอลด์ค่ะ ทำเพิ่ม

ชานพัก มีที่ให้นั่งหย่อนใจ

น้ำพุเล็กๆ

วิวริมโขง วู้วฮูวววววว

          ฝั่งริมโขงมีที่พักใหม่ๆ เปิดเพิ่มหลายที่ ส่วนใหญ่จะเริ่มทำแบบโมเดิร์นละ เห็นแต่ "ความพยายามเก่า" ความเก่าแบบคลาสสิคค่อยๆ ลดถอยลงไป คงเพราะต้อนรับนักท่องเที่ยวเนี่ยแหละ จะดึงคนมาเที่ยวก็ต้องเน้นแบบชิคๆ เน้นความสะดวกสบาย แม้แต่คุณลุงกับคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ "เจอเลย" ก็เลิกทำกิจการโฮมสเตย์ละ หันไปทำมินิบาร์ขายอาหาร ขายเครื่องดื่มแทน น่าเสียดายมาก ตอนแรกกะไปพักบ้านลุงกับป้าเต็มที่เลย

          แต่อย่างน้อยครัวศรีพรรณก็ยังเปิดขายอยู่ อร่อย (และช้า) เหมือนเดิม ร้านนี้อาหารอร่อยค่ะ ไม่แพงด้วย แนะนำเลย แต่ว่าเขาทำช้านะคะ เพราะงั้นต้องใจเย็นๆ นะ แนะนำให้ไปตอนเริ่มหิวไม่มาก ถ้าหิวมากหาไรรองท้องก่อนค่ะ ไปเที่ยวพยายามใจเย็นๆ ใช้ชีวิต slow life เนาะ จะได้ไม่มีเรื่องขัดเคืองใจ ไปเที่ยวที่ไหนอย่าเอาวัฒนธรรมคนเมืองไปเปลี่ยนบรรยากาศของสถานที่นะคะ เราไปเอาบรรยากาศ พักผ่อนสบายๆ ดีกว่า ลำบากบ้าง ไม่สะดวกบ้าง บางทีมันก็มีความสุขดี ได้อารมณ์ที่แปลกแตกต่างไปจากชีวิตเร่งร้อนในเมืองกรุง

อีกหนึ่ง signature ของเชียงคานค่ะ
สกายแล็บ ความเร็วเท่าเต่าวิ่ง 555
ให้ทางโรงแรมเรียกให้ค่ะ กะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่วัดภูช้างน้อย
แต่ต้นไม้เยอะไปหน่อย เลยไม่เห็น

บันไดนาค วัดภูช้างน้อยค่ะ
เดินขึ้นกันหอบเลย

วิวจากด้านบนที่ประดิษฐานองค์พระใหญ่ วัดภูช้างน้อยค่ะ

สาธุ

กลับมาเดินเล่นริมโขง
เจอน้องบีเกิ้ล น่ารัก

โรแมนติกเนาะ มีที่นั่งให้ชมวิว รับลมด้วยนะ
มุมนี้อยู่ตรงมุมท้ายถนน ประมาณซอย 20 ค่ะ
ใกล้ดิ โอลด์ เชียงคานมาก เหมือนด้านนี้จะลมเย็นกว่าช่วงกลางๆ

แนะนำร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ ร้านนี้ค่ะ
บรรยากาศดีมาก แอบตั้งชื่อให้เองว่าร้านอินดี้
ตอนไปถึงไม่มีคนเฝ้าร้านเลยค่ะ เดินไปถามคุณลุงร้านด้านหลังที่ติดกัน
แกบอกให้ไปถามที่ร้านขายข้าวเปียกที่อยู่ตรงข้ามเยื้องๆ ไปหน่อย
เจ้าของเดียวกัน ไปถามปรากฏว่าคนชงน้ำไม่อยู่
กลับมารอสักพักพี่เขาถึงมา ถามว่ามีเมนูไหม ตอบ "ไม่มีครับ"
มีเครื่องดื่มแนะนำไหมคะ " ไม่มี ก็เหมือนร้านกาแฟทั่วไปอ่ะครับ"
พี่มีชื่อร้านไหมคะ "ไม่มีครับ"
(_ _")
-สวัสดี-

มองออกไปเป็นวิวแม่น้ำโขง ลมพัดเย็นสบาย ฟินมาก
มุมนี้ของร้านพี่อินดี้เป็นมุมยอดฮิตค่ะ สวยมาก

          ส่วนที่ปรับปรุงแล้วเราชอบมากคือทางเดินริมโขง ทำใหม่สวยเชียวค่ะ เดิมที่พื้นทางเดินด้านหลังเป็นอิฐตัวหนอนขรุๆ ขระๆ ตอนนี้ทำพื้นปูนอย่างดี แถมต่อทางเดินไม้ยื่นออกไปเพิ่ม เดินเล่นสบายเชียวค่ะ ลมจากแม่น้ำโขงพัดมาเย็นสบาย บรรยากาศดี วันกลับก็ให้ทางที่พักช่วยติดต่อเรียกแท็กซี่มาสนามบินเลยให้ สะดวกดีค่ะ (คราวนี้เรียกสองคัน อัดกันไปเหมือนขามาไม่ไหวละ)

ทางเดินริมโขงส่วนที่ทำเพิ่มออกมาค่ะ

          ไปช่วง low season ก็ดีอย่างที่คนน้อย ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว แต่ข้อเสียคือร้านรวงต่างๆ ก็เปิดน้อยด้วยค่ะ แดดก็ร้อนเกินไปในตอนกลางวัน ก็เลยไม่ได้ปั่นไปเที่ยวตามตรอกซอกซอย หลายร้านที่คุ้นเคยบ้างก็ไม่เปิด บ้างก็หายไปเลย ถนนคนเดินก็มีร้านขายของฝากผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่หน้าหนาว หรือช่วงปลายปี ต้นปีคนน่าจะคึกคักกว่านี้แหละค่ะ ยิ่งมีเที่ยวบิน แท็กซีอำนวยความสะดวกในการเดินทางแบบนี้ นักท่องเที่ยวคงแห่กันไปอีกเยอะ

บรรยากาศถนนคนเดินตอนเย็น คนน้อยมาก
แบบว่า low season

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)