[Spioler Alert] ตำนานรักเหนือภพ (花千骨) - รักก็คือรัก

"เพียงแต่สำหรับไป๋จื่อฮว่าแล้ว
เพื่อหกภพภูมิ ไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่อาจสละได้"

"ความรักของนางอาจจะดูต่ำต้อย แต่นางก็ไม่เคยรู้สึกว่าด้อยค่า อาจจะดูเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นแก่ตัว หลงรักอาจารย์เป็นความผิดของนาง แต่นางก็ผิดอย่างไม่นึกเสียใจจนนิดเดียว นางไม่เคยต้องการอะไรจากเขา และไม่เคยคิดจะให้เขารู้
เพียงปรารถนาจะอยู่ข้างกายเขาไปเงียบ ๆ"

(Fresh 果果, ตำนานรักเหนือภพ {花千骨},
พริกหอม แปล, สนพ. แจ่มใส)

ภาพจาก goodreads.com

**เนื้อหาต่อจากนี้มีสปอยล์บางส่วนนะคะ**

"ตำนานรักเหนือภพ (花千骨)"



ผู้เขียน: Fresh 果果
ผู้แปล: พริกหอม
สนพ. แจ่มใส, 3 เล่มจบ + ภาคพิเศษ

          ไม่ว่าจะในนิยาย หรือในชีวิตจริง เวลาเห็นคนสองคนที่รักกันมาก ๆ แต่สุดท้ายต้องเลิกราไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ก็มักจะสงสัยด้วยความเสียดายอยู่ลึก ๆ ว่าเพราะอะไรกันหนอ ถึงทำให้คนที่รักกันมากขนาดนั้นต้องแยกจากกัน

          ฮวาเชียนกู่ เด็กสาวผู้เกิดมากับชะตาอาภัพ เมื่อเกิดมาก็เป็นเหตุให้มารดาเสียชีวิต นำพาเรื่องเดือดร้อนมาสู่คนรอบกาย แถมตัวยังมีกลิ่นกายประหลาดดึงดูดภูติผีปีศาจให้เข้ามาใกล้ เมื่อบิดาผู้เป็นญาติสนิทเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่เหลืออยู่มีอันต้องจากไป นางก็ไม่เหลือใครอีกแล้วในชีวิต มีเพียงคำสั่งเสียสุดท้ายจากบิดาให้เดินทางไปเรียนวิชาเพื่อป้องกันตัวที่สำนักเหมาซาน ฮวาเชียนกู่จึงออกเดินทางด้วยความหวังเรียบง่ายเพียงได้เข้าสำนัก เรียนวิชาไว้ป้องกันตัวจากภูติผีปีศาจที่ตามรังควานเพียงเพื่อจะได้มีชีวิตสงบสุขกับเขาบ้าง แต่แล้วก็จับพลัดจับผลูได้เป็นเจ้าสำนักเหมาซาน นางผู้เป็นเพียงเด็กสาวอายุ 12 เท่านั้นต้องมารับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ ตอนนั้นฮวาเชียนกู่ไม่รู้เลยว่าในภายหน้ายังมีเรื่องหนักหนากว่านี้รอนางอยู่...

          ไป๋จื่อฮว่า เซียนเทพสูงสุด เจ้าสำนักฉางหลิว ผู้นำเหล่าเซียน ผู้สูงส่งสง่างาม บริสุทธิ์หาใครเปรียบ ใบหน้างดงามถึงเพียงนั้น หากแต่เย็นชาเยียบเย็นอยู่เสมอ เขารู้ดีว่าเด็กสาวผู้นี้จะนำภัยมาสู่เขา นางมีโชคชะตาเลวร้ายยากทำนายติดตัว หากแต่ไม่รู้ว่าด้วยความอวดโอ่ถือดีหรืออย่างไร เขาตัดสินใจรับนางเป็นศิษย์คนแรกและคนเดียวของเขา ไป๋จื่อฮว่าไม่เชื่อว่าลิขิตฟ้าจะสู้มานะและจิตใจที่มุ่งทางดีของคนได้ เขาเชื่อมั่นว่าจะนำนางไปในเส้นทางที่ถูกต้อง และนางเองก็พากเพียรพิสูจน์ตนให้เห็นว่าตั้งใจเพียงใด อาศรมสิ้นรักไม่เงียบเหงาเดียวดายอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว...

          ด้วยการชี้นำของใครบางคน ฮวาเชียนกู่ มุ่งมั่นพากเพียรจนได้เข้าสำนักฉางหลิว และเป็นศิษย์ของเขา ไป๋จื่อฮว่า เซียนเทพสูงสุด นางดีใจและปลื้มใจหาใดเปรียบ การได้อยู่กับอาจารย์ อยู่ใกล้ ๆ เขา คือความสุขที่สุดในชีวิตนาง แล้วยังมีถังเป่า หนอนภูติตัวน้อย ตงฟางอวี้ชิง บัณฑิตหนุ่มลึกลับ แล้วยังเพื่อนใหม่อีกหลายคน เพื่อนที่นางไม่เคยมี ภูตผีปีศาจก็ไม่มารังควานนางอีกแล้ว ช่วงชีวิตในสำนักฉางหลิวคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด มีความสุขที่สุด นางปรารถนาเพียงได้อยู่กับอาจารย์ สรวลเสเฮฮากับทุกคนอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ตลอดไป เมื่อตระหนักรู้ว่าในใจนางมีอาจารย์อยู่ ความรักที่ค่อย ๆ ก่อกำเนิดขึ้นในใจใสซื่อของนาง ก็ก่อเกิดความกังวลขึ้นมาคู่กัน กลัวว่าเขาจะรู้ กลัวว่าเขาจะรังเกียจและขับไล่ไสส่ง นางไม่กล้าอาจเอื้อมคาดหวังให้เขามารัก ขอเพียงได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ นางก็พอใจแล้ว หากแต่โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว สุขมากเพียงใด ความทุกข์ที่ตามมาก็หนักหนาได้มากกว่าเป็นร้อยเท่า พันเท่า หรือไม่อาจจะประเมิณได้...

ภาพจาก goodreads.com
          ถัดจาก บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน (盗墓笔记) ที่อ่านแล้วชอบมาก สนุกมาก ก็มาเจอ ตำนานรักเหนือภพ ชุดนี้แหละที่อ่านแล้วถูกใจ ชอบเอามาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งในบรรดานิยายจีนที่อ่านมา ยิ่งเล่มจบนี่ถึงกับเสียน้ำตาไปมากโข ฮวาเชียนกู่น่าสงสารจริง ๆ รักลึกซึ้งถึงปานนั้น ผู้เขียนเดินเรื่องได้ดี ยิ่งมายิ่งเข้มข้น ในเล่มแรกจะเป็นช่วงใส ๆ ชีวิตฮวาเชียนกู่มีความสุข สนุกสนาน ได้ผจญภัยและพบปะมิตรสหายมากมาย แม้จะมีศัตรูคู่แค้น แต่ก็ยังไม่นับว่าเลวร้ายนัก แต่พอมาในเล่ม 2 เรื่องก็เริ่มเข้าสู่ทางดราม่ามากขึ้น ชวนลุ้นชวนติดตามขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าตรึงคนอ่านได้อยู่หมัด (แล้วอิตาไป๋จื่อฮว่าก็สร้างความหงุดหงิดใจให้ไม่น้อย อาจารย์หนออาจารย์ทึ่มทื่อซื่อตรงจนน่าหมั่นไส้!)

          ตลอดเรื่องมักจะเอ่ยถึง ความยึดมั่นถือมั่น อยู่เสมอ สิ่งที่ไป๋จื่อฮว่าพยายามสอนฮวาเชียนกู่ให้อย่ายึดติด เหล่าเซียนที่วางตัวสูงส่ง อยู่เหนือความปรารถนา หากแต่ก็ดูเสียดเย้ยอยู่ในที แต่ละคนที่กล่าวให้ละวางความยึดมั่นถือมั่นมิใช่ว่าคือผู้ที่ยึดมั่นเหนือกว่าใครหรอกเหรอ? ไป๋จื่อฮว่า ที่ดูไม่แยแสสนใจสิ่งใด ปล่อยวางอารมณ์ ความต้องการ หากแต่มิใช่ว่ายึดมั่นในความเป็นเซียน ฐานะอาจารย์ ความถูกผิด แบกรับภาระของเจ้าสำนัก และหน้าที่ต่อหกภพภูมิอย่างเหนียวแน่นหรอกเหรอ? "ที่น่ากลัวคือสำหรับไป๋จื่อฮว่าแล้ว ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญ ไม่มีสิ่งใดคู่ควรแก่การปกป้องคุ้มครอง มีแต่ผิดหรือถูกเท่านั้น - ตงฟางอวี้ชิง" (น. 177, เล่ม 3) สุดท้ายแล้ว เพื่อปกป้องทุกคน ปกป้องหกภพภูมิ เขากลับทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ขยี้หัวใจนางจนแหลกสลายไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำของทุกคน อาจหาญในการศึก หากแต่ขลาดเขลาในความรักยิ่งนัก สุดท้ายก็ถูกนางแค้นและลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยมให้เขาลงมือสังหารนางด้วยมือของเขาเอง แล้วสาปแช่งเขาให้ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่ดับสูญ ต้องอยู่กับความเจ็บปวด กับภาพนางที่ถูกสังหารด้วยน้ำมือของตัวเองไปตลอดกาล "...ตอนนี้ท่านก็จงเฝ้ามอง เฝ้าดูแลรักษาโลกที่ท่านใช้ชีวิตของคนที่ท่านรักมากที่สุดแลกมาไปชั่วนิจนิรันดร์เถิด - จู๋หร่าน" (น. 522, เล่ม 3)


          เรียกได้ว่ามีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอดในเรื่องรักโดยแท้สำหรับไป๋จื่อฮว่า ความอัปยสอดสูที่เกิดขึ้นเมื่อเขาจูบฮวาเชียนกู่ด้วยความหึงจนขาดสติไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาอับอาย หรือรังเกียจในความรักที่นางมีให้เขา หากแต่เขารังเกียจตนเอง ขยะแขยงตนเองที่เป็นถึงอาจารย์ของนางแท้ ๆ เป็นผู้อบรมสั่งสอนนางด้วยตนเอง แต่กลับมาหลงรักศิษย์ของตัวเอง เขาผู้ยึดมั่นแต่ในความถูกผิด ย่อมรับไม่ได้เมื่อตัวเองทำในสิ่งที่คิดว่าผิดครั้งแล้วครั้งเล่า โกหกหกภพภูมิเพื่อปกป้องนาง หลงรักนาง จูบนาง นั่นเป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นหรือมิใช่? เขาผู้สงบเยือกเย็นอยู่เสมอ คนไร้หัวใจ ไม่เคยแสดงอารมณ์ใด ๆ ไม่เคยให้ใครเข้าใกล้มากเกินไป ย่อมไม่รู้จักความรัก ตลอดพันปีเขาทำเพื่อสำนัก ทำเพื่อผู้อื่น ไป๋จื่อฮว่าคงไม่รู้ว่า บางครั้ง บางเรื่องราวก็ไม่สามารถนำมาตรฐานใดมาวัดความถูกผิด "ข้าไม่ผิดต่อฉางหลิว ไม่ผิดต่อหกภพภูมิ ไม่ผิดต่อฟ้าดิน แต่ในที่สุดก็ยังคงผิดต่อนาง ผิดต่อตัวเอง - ไป๋จื่อฮว่า" (น. 540, เล่ม 3) กับเรื่องความรัก รักแล้วอย่างไร ไม่รักแล้วอย่างไร ความอึดอัดคับข้องใจของเขาคงยากที่ใครจะเข้าใจ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่เข้าใจ รักแล้วก็คือรักไงไป๋จื่อฮว่า ที่จริงแล้วท่านควรคิดว่า เป็นอาจารย์แล้วอย่างไร เป็นศิษย์แล้วอย่างไร เป็นเซียนเทพแล้วอย่างไร ท่านรักฮวาเชียนกู่ ท่านก็จะรัก เพียงเท่านี้ก็คงไม่เจ็บช้ำกันปานนั้นกระมัง



ภาพจาก jamsai.com
          สำหรับฮวาเชียนกู่แล้ว นางทนแบกรับได้ทุกอย่างเพื่อเขา เพื่อไป๋จื่อฮว่านางเสียสละไปมากมาย เขาไม่รักนางก็แล้วไปเถิด นางทนได้ แต่เมื่อรู้แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วเขาเองก็รักนาง แต่เขากลับไม่ยอมรับ ซ้ำยังทำร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ตะปูสลายวิญญาณ กระบี่ตัดอาลัย น้ำจากสระสิ้นรัก เนรเทศไปดินแดนรกร้าง แล้วยังคิดหาทางสังหารนาง แม้ว่าภายใต้ความโหดร้ายนั้นจะมีเจตนาพยายามปกป้องนางอยู่บ้าง หากแต่สำหรับเขาความรักของนางมันไร้ความหมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ มันน่าละอายมากนักหรือ นางรักเขา นางแค้นเขา ความรักความแค้นมากเหลือเกิน

          ตัวละครแต่ละตัวมีความยึดมั่นถือมั่นกันคนละอย่าง น่าเวทนาสงสารกันไปคนละแบบ เป็นนิยายรักที่สะท้านสะเทือนหัวใจยิ่งนัก เมื่อเทียบกับซีรี่ส์แล้ว เราชอบฉบับนิยายมากกว่า และยิ่งชอบที่ผู้เขียนเล่าเรื่องโดยไม่ได้ให้ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งเล่าเรื่องเพียงฝ่ายเดียว แต่เล่าเรื่องผ่านสายตาของผู้เขียนเองให้ครอบคลุมความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแต่ละตัว ในซีรี่ส์นั้นช่วงท้าย ๆ เราว่ามันไม่ค่อยสนุก นอกจากใบหน้าหล่อ ๆ ของเฮียฮว่า กับความน่ารักของจ้าวลี่อิงแล้ว เนื้อเรื่องดูน่าเบื่ออย่างไรพิกล โดยเฉพาะตอนจบที่ทางช่องหูหนานตัด หั่น สะบั้นในชนิดที่เรียกได้ว่าทำร้ายทำลายจิตใจคนดูยิ่งนัก ตัดตอนสำคัญไปเยอะ คนดูทั้งที่จีน ทั้งในไทยโกรธกันเป็นฟืนเป็นไฟ นอกจากนี้ในซีรี่ส์ยังดัดแปลงจากฉบับนิยายไปหลายจุด ซึ่งเราอ่านแล้วเราชอบแบบฉบับนิยายมากกว่า



ภาพจาก pantip.com/topic/34154369


          หลังจากสะเทือนใจกับเนื้อหาในเล่ม 1 - 3 แล้ว ก็มาฟินกับเล่มพิเศษ รู้สึกขอบคุณผู้เขียน กับสนพ. แจ่มใสยิ่งนักที่ทำเล่มนี้ออกมาให้ได้อ่าน จริง ๆ เราก็ชอบบทสรุปในเล่ม 3 นะ เราว่าแบบนั้นเหมาะดี แต่พออ่านเล่มพิเศษนี่ก็ยิ่งชอบ มีอะไรให้ฟินบ้างแบบนี้ดีฝุด ๆ โดยเฉพาะตอนพิเศษตอนสุดท้าย พนันขันต่อ นั่นฮามากกกก ช๊อบชอบ

ภาพจาก goodreads.com

"...และเป็นสิ่งที่ฉันเฝ้าปรารถนาอยู่ในใจเป็นความรักที่บริสุทธิ์จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

ซึ่งไม่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง"

Fresh 果果
จากใจนักเขียนฉบับที่ 1

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

มี บีฟอร์ ยู

จอมนางคู่บัลลังก์ - ศึกรบ ศึกรักระหว่างกุนซือหญิงลือนามกับอ๋องนักรบมากความสามารถแห่งแคว้นศัตรู