Finding Audrey ผลงาน YA เรื่องแรกของผู้เขียน Shopaholic Series

"But I can feel his eyes on me all the time.  Like sunshine."
- Audrey
(Sophie Kinsella, 'Finding Audrey', Delacorte Press)


"Finding Audrey"

ผู้เขียน: Sophie Kinsella
Delacorte Press, First Edition, 2015

          จะเป็นอย่างไรถ้าแม่ของคุณเขวี้ยงคอมพิวเตอร์ ของคุณออกนอกหน้าต่าง?

          นั่นคือฉากเปิดเรื่องของ Finding Audrey แม่ผู้กำลังปรี๊ดถึงขีดสุดจัดการขว้างคอมพิวเตอร์ของลูกชายออกนอกหน้าต่าง เพื่อแก้ปัญหาลูกติดเกม เริ่มต้นเรื่องมาอย่างนี้ ก็พอจะเห็นวี่แววของความอลเวงของครอบครัว Turner ซะแล้วสิ

          Audrey ป่วยเป็น Social Anxiety Disorder หรือโรคกังวลต่อการเข้าสังคม เธอต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพื่อมาพักรักษาตัว Audrey ต้องสวมแว่นตาดำตลอดเวลา ไม่สามารถออกนอกบ้านไปยังที่ชุมชน และติดต่อกับคนนอกครอบครัวได้ เว้นก็แต่ Dr. Sarah จิตแพทย์ที่ทำการรักษาเธอ แต่แล้ววันหนึ่ง Frank พี่ชายของ Audrey ก็มาขอให้เธอทำความคุ้นเคยกับ Linus เพื่อนของเขา เพื่อที่ Linus จะได้มาเล่นเกมที่บ้าน และนับจากวันที่ Linus ก้าวเข้ามาทักทาย โลกของ Audrey และทุกคนในบ้านก็เริ่มเปลี่ยนไป

          สนุกมาก ตลก และโรแมนติก ครอบครัวของ Audrey เรียกได้ว่าครื้นเครงดีแท้ แม่ขี้โวยวายผู้เชื่อทุกอย่างที่เขียนอยู่ใน Daily Mail และทำให้คนในบ้านต้องวุ่นวายอยู่บ่อย ๆ พ่อผู้ยอมโอนอ่อนตามแม่เสมอ พี่ชายที่ติดเกมขนาดหนัก และน้องชายคนเล็กผู้ดูจะมีความสุขกับทุกอย่าง Audrey บอกกับเราว่าครอบครัวของเธอนั้นสุดแสนจะพิลึก

          นิยายเรื่องนี้เป็นผลงาน Young Adult Fiction เรื่องแรกของ Sophie Kinsella ผู้เขียน Shopaholic Series ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี ทั้งตัวหนังสือ และภาพยนตร์ Confession of a Shopaholic (2009) Finding Audrey ทำให้เราขำได้แทบจะตลอดเรื่อง ฉากหวานก็ทำเอายิ้มไม่หุบ ประเด็นปัญหาในครอบครัวที่นำเสนอก็น่าสนใจ แม้ตัวแม่จะดูน่ารำคาญไปบ้างตรงที่นางดูจะขี้โวยวายไปเสียทุกเรื่อง แต่นั่นก็เพราะนางพยายามที่จะเป็นแม่ที่ดี และทำทุกอย่างด้วยความหวังดีต่อคนในครอบครัว

          ลูกติดเกม ติดคอมพิวเตอร์คงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับคนในยุคปัจจุบัน หลายครอบครัวอาจไม่ทันรู้สึกว่ามันเป็นปัญหา บางครอบครัวก็คงหาทางแก้เพื่อดึงลูก ๆ ออกมาจากหน้าจอ วิธีการก็คงต่าง ๆ กันไป Anne Turner อาจจะเลือกใช้วิธีการที่สุดโต่งไปหน่อย และแน่นอนว่าเธอเห็นว่าการที่ Frank ติดเกมเป็นปัญหาและต้องได้รับการแก้ไขทันทีก็หลังจากอ่านบทความใน Daily Mail แต่เมื่อ Frank ไม่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี และยังฝ่าฝืนคำสั่งห้าม ความอดทนของเธอ (ซึ่งปกติก็มีจำกัดอยู่แล้ว) มาถึงขีดสุด และจัดการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ คอมพิวเตอร์ เขวี้ยงมันทิ้งซะ ไม่มีคอมฯ ไม่มีเกม จบ (จ้ะ แม่คุณ ไอ้ที่เขวี้ยงออกไปนั่นเงินทั้งนั้น 55)

          เรื่องราวของครอบครัวนี้ถ่ายทอดผ่านการเล่าเรื่องของ Audrey และวิดีโอที่เธอบันทึก เป็นโปรเจคสำหรับการบำบัดอาการ Social Anxiety Disorder ที่ Dr. Sarah มอบหมายให้เธอทำ เนื่องจากอาการป่วย Audrey ไม่สามารถมองตา หรือมองหน้าของคู่สนทนาได้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องสวมแว่นตาอยู่ตลอดเวลา เว้นก็แต่ Felix น้องชายวัย 4 ขวบของเธอเท่านั้น ที่เธอกล้าสบตาด้วย เพราะสายตาของเขาใสราวกับน้ำและรู้แต่เพียงว่าตัวเขาคือ Felix ต่างกับดวงตาของพ่อกับแม่ที่มีแต่ความกังวล ความกลัว ความรู้มากเกินไป ความรักมากเกินไป เวลามองแล้วเธอรู้สึกเหมือนจะถูกอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นทะลักท่วม "It's feel toxic." (p. 53) ดวงตาของ Frank ก็มีแต่ความแตกตื่น คงกังวลเรื่องอาการของเธอ

          Dr. Sarah เสนอให้เธอถ่ายหนังและสัมภาษณ์คนในครอบครัว เพราะคิดว่าการมองผ่านเลนกล้องไม่ใช่การสบตาตรง ๆ Audrey สามารถทำได้ และต่อไปค่อย ๆ ขยับไปสัมภาษณ์คนอื่น จากที่ไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้มาก่อน ก็ค่อย ๆ ทำความรู้จักและเข้าใจอาการของโรคนี้ขึ้นมาหน่อย ผ่านคำอธิบายของ Audrey อาการป่วยที่เกิดขึ้นภายในสมองนี่น่ากลัวนะ น่าเห็นใจผู้ป่วยที่ต้องต่อสู้กับอาการเหล่านี้ นึก ๆ  ดูแล้ว Social Anxiety Disorder นี่ก็คล้าย ๆ ฮิคิโคโมริ ของคนญี่ปุ่นนะ ที่คนเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน สำหรับ Audrey สมองของเธอบอกกับเธอแต่เรื่องในแง่ร้าย และเธอต้องบังคับตัวเองให้ต่อสู้กับความคิดเหล่านั้น "I was the one paranoid that everyone must be looking at me, thinking how uncool I was. ~ Stuck in my own stupid brain." (p. 38)

          การก้าวเข้ามาของ Linus ทำให้อาการของ Audrey เริ่มดีขึ้น เขาพยายามเข้าหาเธอทีละนิด และเขาสามารถเข้าถึงเธอได้มากกว่าคนอื่น ๆ คู่นี้น่ารักมากอ่ะ Audrey ไม่สามารถพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้ ใช้มือถือ หรือเมลก็ไม่ได้ เพราะเธอจะรู้สึกว่าถูกคุกคาม ดังนั้นช่วงแรก Linus จึงสื่อสารกับเธอด้วยการเขียนข้อความในกระดาษ เขาไม่เพียงแค่ทำให้ Audrey ดีขึ้นและมีความสุข เสน่ห์ของ Linus ยังมีผลต่อคนอื่น ๆ ในบ้านด้วย และแน่นอนคนอ่านฟินมากค่ะ ชอบตอนที่จุ๊บกันผ่านตัวหนังสืออ่ะ น่ารักมาก โรแมนติกดี Linus เขียนแล้วส่งลอดผ่านประตูให้ Audrey เป็นการบอกลาก่อนกลับ 'It's a kiss.' เชื่อว่าไม่เพียงแต่ Audrey ที่จะตัวลอยเพราะข้อความนี้ สาว ๆ ที่ได้อ่านก็น่าจะกรี๊ดไม่น้อย

          ครอบครัว Turner ค่อย ๆ เรียนรู้วิธีที่จะสื่อสารกันและร่วมอยู่ร่วมกันควบคู่ไปกับการช่วยเหลือ Audrey ให้หายจากอาการป่วย และกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามเดิม แน่นอนว่ามันไม่ง่าย และมีอุปสรรครออยู่ พวกเขาจะผ่านปัญหาและหาจุดที่อยู่ร่วมกันได้ด้วยวิธีไหน หาคำตอบได้ใน Finding Audrey ตอนนี้ยังไม่มีแปลไทย แต่ภาษาอังกฤษอ่านไม่ยากนะคะ เราไม่ค่อยเก่งศัพท์ยังอ่านรู้เรื่อง และขำกับมุกตลกได้

"But, Audrey, that's what life is.  We're all on a jagged graph.
I know I am. Up a bit, down a bit.
That's life."
- Mum
(Sophie Kinsella, 'Finding Audrey', Delacorte Press, p. 266)


เพิ่มเติม (มีนาคม 2559)

          พอดีวันนี้มีเวลาเข้ามาปั่นบล็อกใหม่ บวกกับใกล้งานหนังสือแล้ว เลยถือโอกาสเข้ามาแจ้งข่าวว่าฉบับแปลไทยออกมาแล้วค่ะ ของแพรวสำนักพิมพ์ แปลโดยคุณมณฑารัตน์ ทรงเผ่า ชื่อเรื่องภาษาไทยคือ "ป่วยเป็นไข้ใจ ใครช่วยรักที" หน้าปกสีสันสดใสน่าดู แต่เราไม่ค่อยชอบชื่อเรื่องภาษาไทยเท่าไร อ่านแล้วมันตงิด ๆ ไอ้ตรงคำว่าไข้ใจ มันไม่ click อ่ะ อธิบายไม่ถูก

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)