หนึ่งหาย หนึ่งหา เมืองกระดาษอยู่หนใด - Paper Towns by John Green

"มาร์โกเป็นคนชอบเรื่องลึกลับ
และเรื่องราวทุกอย่างที่ตามมาหลังจากนั้น
ทำให้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่า
มาร์โกคงชอบเรื่องลึกลับมากจนเธอกลายเป็นเรื่องลึกลับเสียเอง"
- เควนติน (John Green, เมืองกระดาษ (Paper Towns), น. 18)


"เมืองกระดาษ (Paper Towns)"
ผู้เขียน: John Green
ผู้แปล: สิริกัญญา กุณราชา
สนพ. คลาสแอคท์, พิมพ์ครั้งที่ 1, มิถุนายน 2558

          เพิ่งได้ข่าวดีว่าหนังเรื่อง Paper Towns จะเข้าฉายในไทยเหมือนเดิม แค่จำกัดโรงฉาย จากที่ตอนแรกมีข่าวว่าโดนถอดออกจากฝั่งเอเชียทั้งหมด เหล่าสาวกสาวคาล่าน่าจะดีใจกันถ้วนหน้า และแน่นอนว่าแฟนหนังสือก็ย่อมดีใจเหมือนกัน

          เรื่องราวของการสูญหาย และการตามหา มาร์โกหายตัวไปเฉย ๆ หลังจากคืนที่ลากตัวเควนตินไปทำภารกิจสุดแสบแก้แค้นแฟนเก่าและเหล่าเพื่อนทรยศ และคืนนั้นเขาได้ยินเรื่องเมืองกระดาษเป็นครั้งแรก เควนตินและเพื่อน ๆ เริ่มภารกิจค้นหามาร์โก โดยตามรอยจากคำใบ้ที่เธอทิ้งไว้ให้ มาร์โกหายตัวไปไหน ที่แท้เมืองกระดาษคืออะไร เควนตินต้องแก้ปริศนาให้ได้พร้อมทั้งเตรียมตัวสอบปลายภาค และจัดการกับเด็กเกเรที่พร้อมจะเอาคืนเขาจากวีรกรรมสุดแสบที่สร้างไว้

          สำหรับเด็กหนุ่มธรรมดาอย่างเควนติน มาร์โกเป็นสีสันเดียวในชีวิตเขา เธอกล้า เธอซ่าและโคตรแสบ บ้านของพวกเขาอยู่ติดกัน และเคยเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก ๆ (หรือที่เควนตินแอบเรียกเธออีกอย่างแบบน่ารัก ๆ ว่า 'คู่เดทเล่นซน') สเน่ห์ของหนูน้อยมาร์โกมัดใจเจ้าหนูเควนตินได้อยู่หมัด ในสายตาของเขาเธอนั้นพิเศษกว่าใคร ๆ "ก็เพราะเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนเพริศพริ้งเท่าที่พระเจ้าทรงเคยสร้างมา" (น. 14) หลังจากครั้งสุดท้ายที่เธอแวะมาที่หน้าต่างห้องนอนของเควนตินเมื่อตอน 9 ขวบ อยู่ ๆ คืนหนึ่งมาร์โกก็มาโผล่ที่นั่นอีกครั้ง แล้วนับจากคืนนั้นชีวิตของเควนตินก็เปลี่ยนแปลงไป

          ภายนอกนั้นมาร์โกเป็นสาวแสบสุดซ่า เริ่ด ๆ เชิด ๆ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่ภายในเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยความเปลี่ยวเหงา หรือไม่ก็เป็นอารมณ์ขบถต่อสังคม เธออาจรู้สึกเบื่อหน่ายและอาจถึงขั้นขยะแขยงผู้คนรอบตัว รวมทั้งเมืองที่อาศัยอยู่ ดังที่เธอชี้ให้เควนตินเห็นว่าเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ รวมทั้งผู้คนนั้นล้วนแต่ทำจากกระดาษ พร้อมจะล้มพับและพังครืนลงมาตลอดเวลา และพร้อมที่จะเผาทำลายตัวเองเพื่อสิ่งที่เรียกว่าอนาคต "...ฉันอยู่ที่นี่มาสิบแปดปี ยังไม่เคยสักครั้งในชีวิตที่จะเจอคนที่แคร์เรื่องสำคัญจริง ๆ" (น. 64) ทุกคนมักจะคอยแต่พะวงถึงอนาคตและใช้เวลาเพื่อมันมากขึ้น อย่างการมุ่งมั่นเรียนให้จบมัธยมฯ เพื่อต่อมหาวิทยาลัย จะได้มีงานดี ๆ ทำ ซื้อบ้านอยู่ แล้วก็ส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อให้ลูกมีงานดี ๆ ทำ...

          เมื่อมาร์โกหายไป เควนตินเป็นคนเดียวที่มุ่งมั่นกับการตามหาเธอ โดยมีเรดาร์กับเบ็นสองเพื่อนซี้เป็นผู้ช่วย หลังจากพบว่าพ่อแม่ของมาร์โกไม่สนใจจะตามหาเธออย่างจริงจัง เขาก็ยึดเอาหน้าที่นั้นเป็นของตัว โดยเชื่อมั่นว่ามาร์โกตั้งใจทิ้งคำใบ้ถึงสถานที่ที่เธอไปไว้ให้เขาเพียงคนเดียว อาศัยจากเบาะแสเล็กน้อย และบทกลอนในหนังสือ เขาต้องหาเธอให้เจอ แต่ยิ่งค้นเควนตินก็ยิ่งเริ่มไม่แน่ใจว่ามาร์โกนั้นคือคนวิเศษเลิศเลออย่างที่เขาเคยคิดว่าเธอเป็นจริงหรือเปล่า หรือจริง ๆ แล้วเธอก็แค่เด็กสาววัยรุ่นธรรมดาที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ? "...คือมาร์โกไม่ใช่ปาฏิหาริย์ เธอไม่ใช่เรื่องผจญภัย เธอไม่ใช่ของดีมีค่าอะไร เธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง" (น. 196)

          บางทีคนที่เราชื่นชอบ หรือสิ่งที่เราอยากได้ เวลาที่มันอยู่ไกล ๆ ตอนที่ยังไม่ได้ครอบครองมันอาจจะมีแสงออร่าที่เปล่งประกายจับตา ทำให้เวลาเห็นแล้วเรารู้สึกว่าคน ๆ นั้น หรือสิ่ง ๆ นั้นเป็นของเลอค่า สมบูรณ์แบบ ก็เหมือนกับเกม "หมอนั่นมันแมงดา" ที่เควนตินและเพื่อน ๆ เล่นจินตนาการชีวิตของผู้คนที่อยู่ในรถรายรอบพวกเขาตอนเดินทางไปตามหามาร์โกนั่นแหละมั้ง เพียงดูจากองค์ประกอบภายนอก อย่างเสื้อผ้าและรถที่ขับ แล้วพวกเขาก็แข่งกันแต่งชีวิตให้คนเหล่านั้นอย่างสนุกสนาน ซึ่งในความเป็นจริงมันคงไม่ได้เป็นจริงตามนั้นทั้งหมด ภาพลักษณ์เลิศหรูนั่นอาจเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นและยัดเยียดให้เอง หากเราได้เข้าใกล้ หรือไปรู้จักเข้าจริง ๆ คนหรือสิ่งที่เราเคยหลงใหลว่าพิเศษมากมาย อาจไมได้เป็นอะไรมากไปกว่าคนธรรมดา ของสามัญ

"...มันง่ายที่จะชอบใครคนนึงอยู่ห่าง ๆ
แต่พอเธอหยุดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ดูเหมือนจะเข้าไม่ถึงหรืออะไรก็ตาม
แล้วเริ่มกลายเป็น เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
ที่มีเรื่องวุ่นวายกับของกินและอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ 
แล้วออกจะเจ้ากี้เจ้าการ
ฉันเลยต้องหัดชอบคนใหม่คนนี้ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงไง"
- เบ็น (John Green, เมืองกระดาษ (Paper Towns), น. 260)

          เดินเรื่องสนุกดี แทรกมุกตลกเหน็บแนมเป็นระยะให้ได้ขำ แถมมีปมสืบสวนสอบสวนให้ลุ้นระทึกด้วย เบ็นกับเรดาร์นี่ก็จอมขโมยซีน น่ารักน่าหยิกทั้งคู่ เราว่า "เมืองกระดาษ" เป็นนิยายน่ารัก โรแมนติก แต่ก็แฝงความเศร้าเหงา ๆ ไว้นะ พออ่านจบแล้วมันก็โหวง ๆ ในใจนิดหน่อยแฮะ ชอบสามเกลอเควนติน เบ็น และเรดาร์ เวลาอยู่รวมกันแล้วมีสเน่ห์ดี รู้สึกสนุกที่ได้อยู่ด้วย ประทับใจกับมิตรภาพ และหวนคิดถึงช่วงเวลารอยต่อ ม.ปลาย - มหา'ลัย ช่วงเวลาแห่งการลาจาก และพบเพื่อนใหม่ :)

           ทีนี้ก็รอดูหนังล่ะว่าจะทำออกมาให้เรารู้สึกดีได้อย่างที่อ่านหนังสือหรือเปล่า เอาตัวอย่างมาแปะให้ดูด้วย เข้าฉาย 27 สิงหาคม นี้นะ ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ กับเอส เอฟ เวิลด์ (เซ็นทรัลเวิลด์)


Trailer 'Paper Towns'

Soundtrack - Smile (Mikky Ekko)

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)