กว่าจะสิ้นลมหายใจ (As I Lay Dying) - วิลเลียม โฟลคเนอร์

"ฉันจำได้ว่าพ่อฉันเคยบอกว่าเหตุผลของการมีชีวิต
คือการเตรียมตัวเพื่อนอนตายนานๆ"
- วิลเลียม โฟลคเนอร์, กว่าจะสิ้นลมหายใจ (As I Lay Dying)


"กว่าจะสิ้นลมหายใจ (As I Lay Dying)"
ผู้เขียน: วิลเลียม โฟลคเนอร์
ผู้แปล: สุนันทา วรรณสินธ์ เบล
สำนักพิมพ์ ไลต์เฮ้าส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 2557

          แอดดี้ บันด์เรนกำลังจะตาย แคชลูกชายคนโตกำลังต่อโลงศพให้เธอ พวกเขาจะนำร่างเธอไปฝังยังเจฟเฟอร์สันตามคำขอของเธอ เธออยากกลับไปอยู่รวมกับญาติๆ เธอที่นั่น แอนส์ผู้เป็นพ่อ และลูกๆ แคช, ดาร์ล, จูล, เดลอี เดล, และวาร์ดามัน ทั้งหมดจะพาเธอผู้เป็นภรรยา และแม่ไปยังที่พักพิงแห่งสุดท้าย...

          เป็นหนังสือที่อ่านยาก ผู้เขียนให้ตัวละครผลัดกันเล่าเรื่องผ่านมุมมอง อารมณ์ และภาษาของแต่ละคน เรื่องราวเลยดำเนินไปแบบเว้าๆ แหว่งๆ นิดหน่อยเนื่องจากมาจากคนละด้าน ต้องใช้สมาธิในการอ่านมากทีเดียว โดยเฉพาะตอนของวาร์ดามัน เจ้าหนูชอบพูดทวนซ้ำ เล่าเรื่องแบบงงๆ อ่านแล้วบางทีก็หงุดหงิด ตลอดเรื่องจะมีการภาวนาถึงพระเจ้า และการพร่ำเน้นถึงการรักษาสัญญาที่แอนส์รับปากกับแอดดี้ไว้ ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนต้องการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจริง หรือเป็นเนื้อหาเสียดแย้งต่อความศรัทธา? แต่กลการวิธีเล่าเรื่องแบบนี้กลับทำให้ช่วงที่พูดถึงความลับ หรือเฉลยเรื่องบางเรื่องดูน่าทึ่งขึ้นมาไม่น้อย อย่างความลับของแอดดี้ในเรื่องของจูล และตอนที่โรงนาไฟไหม้ แทนที่จะบอกเราตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไร ผู้เขียนกลับเฉลยผ่านความนึกคิดของตัวละครอีกตัว แบบไม่ครบถ้วนเต็ม 100 ซึ่งเพียงแค่นั้นผู้อ่านก็จะเดาออกได้เอง

          ตลอดช่วงชีวิตของคนเราเต็มไปด้วยบททดสอบ และสิ่งจริงแท้แน่นอนของชีวิตก็คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย ระหว่างที่มีชีวิตย่อมพบเจอเรื่องราวมากมาย แน่นอน #ความลับก็เช่นกัน ตลอดการเดินทางของครอบครัวบันด์เรนนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ตั้งแต่เริ่มแรกพวกเขาก็พบว่าสะพานข้ามแม่น้ำขาด เนื่องจากฝนตกหนัก ปริมาณน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นขึ้นมาจนการข้ามไปนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก แคชขาหักซ้ำข้างเดิมกับที่เคยหักเมื่อครั้งตกลงมาจากการซ่อมโบสถ์ ฯลฯ ตัวละครแต่ละตัวต่างมีเรื่องราวในใจ แคชมีความกังวลเรื่องโลง และสมดุลของเกวียน ดาร์ลเองก็รู้เรื่องหลายอย่าง ดิลอี เดลกับความลับเรื่องของ "ผู้หญิง" วาร์ดามันกับจิตใจอันปั่นป่วน และ...ความลับของแอดดี้

          ตอนที่อ่านมาถึงบทของแอดดี้ เมื่อเธอเฉลยเหตุลที่ขอให้แอนส์นำร่างของเธอไปฝังยังเจฟเฟอร์สัน บอกได้คำเดียวว่าช็อก ทั้งหมดทั้งมวลที่แอนส์ และลูกๆ ต้องประสบและสูญเสียระหว่างการเดินทาง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการแก้แค้นแอนส์ของแอดดี้ โถวววววว เจ๊ เจ๊นี่มันมนุษย์ป้าอ๊ะเปล่าเนี่ย

          อ่านหนังสือจบก็ดูหนังต่อ หนังสร้างจากบทประพันธ์เรื่องนี้ และใช้ชื่อเดียวกัน As I Lay Dying หรือชื่อภาษาไทยว่า มหรสพชีวิต: ความรัก ความหวัง ความตาย กำกับโดยเจมส์ ฟรังโก้ และตัวเขาเองก็ร่วมเล่นในหนังเรื่องนี้ด้วย โดยรับบทเป็นดาร์ล


          วิธีการเล่าเรื่องในหนังแปลกดี ดูติสต์ๆ อ่ะ ส่วนใหญ่จะแบ่งจอเป็นสองฝั่ง เล่นกับภาพ อย่างเช่นมีฉากหนึ่งที่แอนส์ นั่งคุยกับเวอร์นอนที่ชานบ้าน ภาพจอครึ่งซ้ายจะเป็นภาพทั้งคู่นั่งมองนอกบ้านไปเรื่อยๆ เล่นภาพช้านิดๆ ส่วนฝั่งขวาเป็นภาพแอนส์กำลังพูด มันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบดีนะ ฉากที่ให้นักแสดงพูดกับกล้องหลายฉากก็ถอดบทพูดมาจากหนังสือเลยล่ะมั้ง

          พออ่านหนังสือแล้วมาดูหนัง ก็ช่วยให้เข้าใจบางช่วงบางตอนมากขึ้นนะ ฉากจบที่แอนส์แนะนำมิสซิสบันด์เรนนี่อ่านหนังสือแล้วได้อารมณ์แบบ "เฮ้ย ไอ้แอนนนนนนนส์!!" เงิบอ่ะ พอมาดูในหนังนี่กลายเป็นฮาไป เออโนะ ตาลุ๊งงงง แต่คิดว่าพวกลูกๆ คงขำไม่ออกนะ สรุปแล้วการเดินทางครั้งนี้ตาลุงแกดูจะได้กำไรเยอะสุดละ

"หากเหตุผลของการมีชีวิต
คือการเตรียมตัวเพื่อนอนตาย
การนอนตายนั้นก็คือความเป็นไป
ของชีวิตรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เราตระหนักรู้
และเฝ้ามองความลับของคนรอบข้าง"
- วิลเลียม โฟลคเนอร์, กว่าจะสิ้นลมหายใจ (As I Lay Dying)

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)