Lonely Me, Lonely You - โดดเดี่ยวอย่างไรไม่ให้เดียวดาย

"คนโชคดีอาจไม่ใช่คนไม่เหงาเลย
แต่เป็นคนที่มีใครสักคนอยู่เคียงข้างนานพอ
ที่จะทำให้เขานึกไม่ออกว่าความเหงาครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่"
- วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม, Lonely Me, Lonely You


"Lonely Me, Lonely You"
ผู้เขียน: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม
สนพ. อะบุ๊ก, พิมพ์ครั้งแรก, มีนาคม 2557

          ถ้าเคยอ่าน a day BULLETIN หรือ a day LIFE นิตยสารแจกฟรีในเครือของอะบุ๊ก น่าจะคุ้นเคยกับชื่อของบก.บห. วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม หรือพี่ตุ๊กกันดี บทบรรณาธิการที่พี่เขาเขียนลงในทุกฉบับมักเป็นเรื่องราวที่เปิดเผยแง่คิดและมุมมองที่น่าสนใจ และแน่นอนว่าโดนใจใครหลายๆ คน

          Lonely Me, Lonely You คือบทความบรรณาธิการจาก a day BULLETIN ที่คัดมารวมเป็นเล่มให้ได้อ่านและสะสมเป็นเล่มที่ 3 เล่มนี้ดราม่าน้อยกว่า If You Care Enough และ Everybody Hurts เนื้อหาสบายๆ กว่า เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และทุกสภาวะ แม้หัวใจจะบอบช้ำสาหัสก็อ่านได้ รับรองว่าไม่ซ้ำย้ำรอยแผลเท่าสองเล่มแรก แต่ถึงจะเบากว่าก็ไม่ได้หมายความว่าพี่เขาจะลดความคมลง ถ้อยความยังคงกระแทกไตให้ได้จุก ฉุกคิด และสะอึกอยู่ทุกบท และอย่างที่พี่เขาพูดถึงในบทหนึ่งในเล่ม ถ้าในชีวิตนี้เรามีเพื่อนที่พูดคุยและตักเตือนกันตรงๆ ได้ มันก็คงจะดีไม่น้อย บทความของพี่ตุ๊กเขาก็เป็นเหมือนคำพูดของเพื่อนประเภทนี้แหละ ฉันไม่มานั่งโอ๋ทนเห็นแกฟูมฟายหรอกนะ แต่เลือกที่จะพูดความจริงตรงๆ เตือนกันให้ได้สติ แต่ก็ไม่ได้เจตนาจะทำร้ายเชือดเฉือนซ้ำเติมกันเสียจนไม่มีที่ยืน และเลือกพูดในจังหวะเวลาที่เหมาะสม (ซึ่งคนอ่านอย่างเราก็ต้องเลือกอ่านเมื่อพร้อม อย่างที่เคยบอกเพื่อนไปว่า ถ้าเพิ่งอกหักมาสดๆ อย่าเพิ่งอ่าน If You Care Enough หรือ Everybody Hurts ต้องรอมีสติพร้อมรับสักนิดหนึ่งก่อน มิเช่นนั้น อาจรู้สึกเหมือนโดนดาบบนบัลลังก์เวสเทอรอสแทงเข้าพร้อมๆ กันได้ ฮาาาา)

          บทความที่คัดมารวมใน Lonely Me, Lonely You นั้นนำเสนอเรื่องราวของการใช้ Social Network บรรดา Gadget ไฮเทคต่างๆ และอารมณ์ความรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของผู้คนในยุคที่ความเหงา และความเบื่อดูจะระบาดหนักกว่าเชื้ออีโบลาเสียอีก เราเหงากันมากขึ้นเพราะอะไร? บางคนเลือกที่จะหันหน้าเข้าหาโลกออนไลน์เพื่อหาเพื่อนคลายเหงา แต่ดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะช่วยได้สักเท่าไร ปริมาณคนเหงาในโลกออนไลน์ไม่เห็นจะลดลง ดูเหมือนมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น เหมือนที่พี่เขานำเสนอในบทหนึ่ง การที่เราเฝ้ารอให้คนมาไลค์ แชร์ หรือรีทวีต มันกลับกลายเป็นว่าเราเฝ้ารอให้คนมาสนใจ แต่ถ้าไม่มีใครมาตอบสนอง หรือตอบสนองเพียงเล็กน้อย มันก็อาจจะทำให้เรารู้สึกแย่กว่าเดิม หลายๆ บทที่พี่ตุ๊กนำเสนอข้อมูลข่าวสารทางวิชาการ หรือเรื่องราวที่คนทั่วไปคงมองเป็นเพียงภาพเหตุการณ์หนึ่ง แต่พี่เขาก็สามารถนำมาโยงเข้ากับชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง และน่าคิด ที่แอบปลื้มอีกอย่างคือในบท Preface พี่ตุ๊กเขาพูดถึงผลงานของเฮียมู หรือ Haruki Murakami ด้วย แอบกรี๊ดแทนเฮียน่ะ (เป็นเอามาก)

          The Latest Gadget We Need น่าจะเป็นบทที่อ่านแล้วกระแทกไตสุดละ ถามว่าเจ็บไหม ตอบเลยว่ามาก เพราะเป็นคนหนึ่งที่ชอบสรรหาของเล่นทั้งแบบไฮเทค โลเทคมาเล่นแก้เบื่อแก้เซ็งอยู่เรื่อยๆ เบื่อเมื่อไรก็หาเรื่องใช้เงิน แต่มันก็ไม่เคยช่วยแก้ปัญหา มีแต่จะสร้างปัญหาเพราะเงินไม่พอใช้เอาไปซื้อของเล่นหมดเสียมากกว่า

"เราต้องเป็นเพื่อนกับตัวเองให้ได้ก่อนใคร
และต้องเป็นให้ดีที่สุดด้วย"
- วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม, Lonely Me, Lonely You

          ยอดไลค์ ยอดแชร์ ไม่ได้ทำให้เรามีตัวตนขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อเราออกจากโลกเสมือนอย่างโลกออนไลน์ เราก็กลายเป็นใครก็ไม่รู้ หากเราเอาเวลาที่ฝังตัวอยู่ใน Social Network หรือพวก Smart Devices ทั้งหลายแหล่ ออกไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ใช้เวลากับครอบครัว หรือหาอะไรทำเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ตัวเอง ความเหงามันก็ทำร้ายทำลายอะไรเราไม่ได้ เหงาให้เป็นแล้วจะไม่เป็นทุกข์

          เราก็เป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านช่วงเวลาดราม่าเพราะความเหงามา เมื่อคนที่เคยอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน จู่ๆ วันหนึ่งเขาก็เกิดไม่มีเวลาให้เราขึ้นมาเสียเฉยๆ ก็ดราม่าฟูมฟายจะเป็นจะตาย ว่าเขาไม่ให้ความสำคัญ ไม่สนใจเราทั้งๆ ที่ตอนนั้นเราเพิ่งเจอเรื่องแย่ๆ มา สุดท้ายก็กลายเป็นว่าอีกฝ่ายต้องมาขอโทษที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี ทั้งๆ ที่จริงๆ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้วย้อนกลับไปมอง พี่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักหน่อย เราเองต่างหากทีเป็นฝ่ายคาดหวังว่าเขาจะอยู่กับเราได้เสมอ โดยลืมนึกไปว่าเขาก็มีชีวิตของเขา และที่สำคัญชีวิตนี้เราไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว กลับมาบ้านเราก็ยังมีพ่อ มีครอบครัว เพื่อนคนอื่นๆ ก็มี แต่เราเลือกที่จะมองจะยึดติดอยู่แต่กับเขา ทั้งหมดนี้เราทำตัวเองทั้งนั้นแหละ

          พล่ามมาเยอะเกินไปแล้วสำหรับบล็อกนี้ เอาเป็นว่าถ้าชอบผลงานพี่ตุ๊กอยู่แล้ว ก็สมควรซื้อหามาเก็บสะสม แต่หากยังไม่เคยอ่าน ก็ยิ่งสมควรที่จะลอง หวังว่าพี่เขาจะมีผลงานรวมเล่ม หรือผลงานใหม่ออกมาอีกในปีนี้ อยากอ่านเล่มต่อไปแล้ว ตามอ่านจาก  a day BULLETIN หรือ LIFE บางทีก็เหนื่อยเกินไป ไม่จุใจด้วย

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)