กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนกระบี่ (ตอน 1)

ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานมาก เนื่องจากงานยุ่ง บวกกับขี้เกียจ (จริงๆหนักไปทางอย่างหลัง 55) วันนี้นึกสนุกอยากกลับมาเขียน (พิมพ์) ดูอีกสักครั้ง ขอเริ่มต้นอีกครั้งกับเรื่องราวความประทับใจจากที่ไปเที่ยวจังหวัดกระบี่มาแล้วกัน
ทริปนี้ไป 3 วัน 2 คืน สมาชิกรวมเบ็ดเสร็จ 3 คน จองทัวร์ผ่านงานไทยเที่ยวไทยเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไปวันที่ 12 - 14 พ.ย. แต่มีอันต้องเลื่อนเนื่องจากเหตุการณ์น้องน้ำมาเยือนพี่กรุง TT^TT 
สรุปสุดท้ายได้ไปกันวันที่ 26 - 28 พ.ย.

เริ่มกันที่วันแรกก่อนแล้วกัน 26 พ.ย. 54:
  ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นแต่เช้สกับเที่ยวบินแต่เช้าตรู่ ตื่นกันแต่ตี 3 เพื่อเดินทางไปให้ถึงสุวรรณภูมิภายในตี 5 ครึ่ง เพื่อให้ทันเที่ยวบินตอน 6.30 เดินทางครั้งนี้เลือกใช้บริการ Air Asia เป็นการขึ้นเรือบินครั้งแรกในชีวิตของข้าพเจ้า ตื่นเต้นมว๊ากกก >w< ไปถึงเช็คอินเรียบร้อย ก็ไปขึ้นเครื่อง นั่งลุ้นให้มันรีบๆบิน รีบๆขึ้น อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร ตอนแรกเครื่องวิ่งวนอยู่ไนรันเวย์นานพอสมควรกว่าจะเทคออฟเหินทะยานขึ้นฟ้า มันก๊ะไม่เลวนะ ขึ้นเครื่องบินเนี่ย ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และแน่นอนตามประสาคนบ้าถ่ายรูป ก็พยายามถ่ายมันทุกช็อต ตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้น ยันเครื่องลงจอด อยากจะถ่ายรูปท้องฟ้าตอนเครื่องกำลังบินมานานแล้ว แล้วก็ได้ภาพท้องฟ้ายามเช้า ภาพก้อนเมฆสวยๆมาสมใจ นับเป็นทะเลบนฟากฟ้า สวยประทับใจ ^^

พระอาทิตย์ขึ้น ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

ทะเลเมฆเหนือน่านฟ้าทางใต้ ประเทศไทย

เครื่องลงจอดที่สนามบินนานาชาติกระบี่ ก็มีรถตู้ของรีสอร์ทมารับ พาเราไปทัวร์ในช่วงเช้า รอเวลาเช็คอิน ที่แรกที่พี่คนขับพาไปคือสระมรกต (อ้อ ลืมบอกไปว่านี่เป็นครั้งแรกที่เดินทางลงใต้ ครั้งแรกที่มากระบี่) โชคดีที่เราไปถึงเช้า คนที่มาสระมรกตยังน้อย จากทางเข้าเราต้องเดินไปประมาณ 800 เมตรถึงจะถึตัวสระมรกต น้ำสีสวยมากๆ ตื่นตาตื่นใจ ไปถึงเป็นกรุ๊ปแรกๆเลยได้ภาพสระมรกตแบบไม่มีคนอื่นติดมากันอย่างเต็มที่ แต่แอบมีฝนตกเล็กน้อย ตกนิดๆหน่อยๆแล้วก็หยุด น้ำในสระเย็นมาก แอบลงไปแช่อยู่แป๊บนึง (ข้าพเจ้าว่ายน้ำไม่เป็น ฮ่าๆ) แต่หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันสักพัก ก็มีกรุ๊ปคนจีนมาหรุ๊ปใหญ่ เสียงดังโช้งเช้งตามสไตล์ เกิดอาการรำคาญเล็กน้อย เดินเล่นถ่ายรูปกันอีกนิดหน่อยก็ตัดสินใจเดินกลับ

 
สระมรกต

ที่หมายต่อมาที่พี่คนขับพาเราไปคือ น้ำตกร้อน ได้ลงไปแช่น้ำตกอุ่นจนร้อนสบายๆสไตล์ออนเซ็นมาก ผ่อนคลายสบายเนื้อตัว แต่...แก๊งคนจีนที่เจอที่สระมรกตดันมาที่นี่ด้วย ตามกันมาติดๆ เซ็งรับประทานกันไป =*= มาถึงพวกผู้ชายบางคนในกรุ๊ปคนจีนนั้นมันเดินไปที่ต้นน้ำตก แล้วแช่ “เท้า” พวกมันสบายอุรามาก โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าคนอื่นๆเขาลงไปแช่น้ำ (ล้างเท้าของพวกมัน) กันอยู่ ไร้มารยาทจริงๆ =,,=
 
น้ำตกร้อน

หลังจากน้ำตกร้อน ที่หมายต่อไปคือวัดถ้ำเสือ ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม วัดนี้ตั้งอยู่ติดภูเขา มีทางเดินเป็นบันไดขึ้นไปบนภูเขา ซึ่ง...เราไม่ขึ้นเด็ดขาดค่ะ 555 แค่เดินไปสระมรกต ไป - กลับ 1600 เมตร น้ำตกร้อน ไป - กลับอีก 400 เมตร แค่นี้ก็ปวดขากันแทบแย่ ขอเดินชมบริเวณวัดพอ หลังจากไหว้เจ้าแม่กวนอิม ถ่ายรูปเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ ก็ตัดสินใจให้พี่คนขับรถพาเราไปยังที่พัก จะได้ไปแวะหาข้าวกินกัน

ที่พักของเราคือ Haleeva Sunshine Krabi Resort and Spa ตรงอ่าวนาง ตอนแรกก็หวั่นๆไม่รู้ที่พักจะเป็นแบบไหน จะน่ากลัวหรือเปล่า พนง. จะบริการเป็นอย่างไร กลัวโดนหลอก แต่ปรากฏว่าที่พักสวย บรรยากาศดี พนง.ก็ให้การบริการเป็นอย่างดี ห้องที่พักเราเลือก upgrade เป็นห้อง Suite 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ + อ่านจากุ๊ดจี่ เอ้ยย จากุ๊ดซี่ที่อยู่ริมระเบียงชมวิวภูเขา สุขีสโมสรโรตารี่มากๆ ไปถึงตอนแรกยังเข้าห้องไม่ได้เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน แต่สมาชิกหิวกันถ้วนหน้า เลยฝากกระเป๋าไว้ที่เคาท์เตอร์ แล้วออกเดินไปหาอะไรกินใกล้ๆที่พัก เล็งๆอาหารใต้ง่ายๆกันก่อน เดินไปหน่อยก็เจอร้านขายข้าวแกงปักษ์ใต้ ของเขาดีจริงค่ะ อร่อยมาก แซ่บเว่อ เด็ดสุดก็แกงเหลือง (แกงส้มใต้) พอกินเสร็จได้เวลาเข้าที่พัก เก็บข้าวของ

จากุ๊ดซี่ริมระเบียงชมวิวภูเขา

เปิดประตูเข้าห้องพักมาจะเจอ...บันไดค่ะ เดินขึ้นบันไดมาถึงจะเจอห้องนอน ห้อนนอนห้องแรกเป็นห้องพัดลมติดระเบียงที่มี
จากุ๊ดซี่ คั่นกลางด้วยห้องน้ำ และถัดไปเป็นห้องนอนแอร์

ห้องนอนแอร์




ห้องนอนพัดลมติดระเบียง
 
อากาศในห้องสบายๆไม่ร้อนค่ะ ตอนกลางคืนนี่แอบเย็น นอนสบาย นอนห้องพัดลมก็ได้บรรยากาศดี ไม่มียุง ห้องน้ำก็กว้าง ชอบตู้เสื้อผ้าเป็นพิเศษ เปิดได้สองฝั่ง เปิดจากด้านนอกตรงทางเดินเชื่อมห้องนอนก็ได้ หรือจะเปิดจาดในห้องน้ำก็ได้ สะดวกดีค่ะ (แต่ต้องระวัง เช็คก่อนเปิดนิดนึงว่าอีกฝั่งเปิดอยู่หรือเปล่า ไม่งั้นอาจได้เห็นภาพวับๆแวมๆของเพื่อนร่วมคณะ 5555)


ห้องน้ำ เปิดประตูเข้าได้จากทั้งสองห้องนอน เวลาเข้าต้องเช็คล็อกทั้งสองฝั่งค่ะ อิอิ

หลังจากกินข้าวเสร็จแวะไป 7-11 ซื้อเสบียงมาตุน จัดข้าวของ พักผ่อนตามอัธยาศัย

และแล้วในที่สุดก็ได้เวลาที่รอคอย มื้อเย็นค่ะ! มาถิ่นทะเลประเทศกระบี่ทั้งทีไม่จัดอาหารทะเลสักมื้อเห็นทีจะมาไม่ถึง หลังจากสอบถามเส้นทางกับทางพนง.ที่ Haleeva พนง.ก็ช่วยติดต่อเรียกรถรับจ้างให้มารับเราไปกินข้าวที่ร้านครัวธารา อยู่ห่างจากที่พักเราไปประมาณ 400 เมตรได้ (รถรับจ้างที่จังหวัดกระบี่มีหลายประเภทค่ะ ราคาแพงเดือดทั้งนั้น อย่างรถที่ทางโรงแรมช่วยเรียกให้ เป็นรถมอเตอร์ไซต์พ่วงที่นั่ง เขาคิดเราหัวละ 80 บาท) ไปถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงค่ะ จัดหนัก จัดเต็ม

ปกเมนู

หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง

หอยชักตีนเผา (น้ำจิ้มรสเด็ด แซ่บมาก)



ยำไข่แมงดา (อร่อย ไข่เยอะมากๆค่ะ)
 


หอยนางรมสด ของโปรด >w


ยำปูม้าสด สดจริงๆ สดจนดูดเนื้อกินไม่ได้ ติดเปลือก สุดท้ายต้องใส่ห่อเอากลับไปแช่ตู้เย็นที่ห้องค้างไว้ 1 คืน ถึงกินได้ 555


จานนี้น่าจะเป็นปลาเผาค่ะ ปลาเผาสมุนไพร หอมอร่อย เนื้อปลาหวานมากๆ

  จบวันแรกด้วยมื้อเย็นแสนอร่อย เบ็ดเสร็จค่าเสียหาย 1,700 บาทถ้วน วันแรกก็จบลงด้วยประการฉะนี้ค่ะ ไว้จะมาเล่าทริปวันที่ 2 ต่อนะคะ ^^

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)