Winter's coming

"ถ้าบางคราวใครบางคนบังเอิญถูกทึกทักว่าเป็นของจริง มันก็ไม่แน่เสมอไปว่าเขาจะใช่"  - โรแบร์ท มูซิล (ข้อเขียนหลังมรณกรรมของนักประพันธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่) ชื่อเรื่อง: ข้อเขียนหลังมรณกรรมของนักประพันธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ (Posthumous Papers of a Living Author) ผู้เขียน: โรแบร์ท มูซิล ผู้แปล: อัญชลี มณีโรจน์ สนพ. บทจร, พิมพ์ครั้งที่ 1, เมษายน 2557 แรกเริ่มเดิมทีเข้าใจว่าหนังสือเล่มนี้รวบรวมบทความ หรือบทร่างของเหล่านักประพันธ์ดังๆ ในอดีต เอามาวิพากษ์ วิเคราะห์อะไรแบบนั้น แต่ปรากฏว่าเข้าใจผิดไปเยอะเลยแหละ =//= "ข้อเขียนหลังมรณกรรมของนักประพันธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ (Posthumous Papers of a Living Author)" รวบรวมเรื่องสั้น และบทความของตัวผู้เขียนเอง คือคุณโรแบร์ท มูซิล นักเขียนชาวเยอรมันผู้นี้มีชีวิตอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และมีเหตุต้องระหกระเหินอพยพหนีการจับกุมของนาซีด้วย งานเขียนของแกก็กลายเป็นงานต้องห้ามหมดทุกชิ้น เพราะถูกกล่าวหาว่าเขียน และมีแนวคิดต่อต้านนาซี (อ่อ ภรรยาแกเป็นคนยิวด้วย) ในเล่มจะมีเรื่องสั้น และบทความอยู่หล

“ถ้าเป็นการพัฒนาจิตใจของเราเองแต่ละคน จะเป็นใครหน้าไหน ก็มาทำให้เราพัฒนาไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำเอง” - พิทยากร ลีลาภัทร์ (สุขใกล้ๆ ที่ไม่เคยเห็น, หน้า 3) ชื่อเรื่อง: สุขใกล้ๆ ที่ไม่เคยเห็น ผู้เขียน: พิทยากร ลีลาภัทร์ (aston 27) สนพ. อมรินทร์ธรรมะ, พิมพ์ครั้งที่ 2, 2556 เป็นอีกหนึ่งผลงานของพี่เอ๊ด หรือคุณ พิทยากร ลีลาภัทร์ นักเขียนที่ชื่นชอบ หนังสือของพี่เขาอ่านง่าย อ่านสนุก หยิบจับเรื่องราวในชีวิตประจำวันมาสอนธรรมะได้น่าสนใจ ใน "สุขใกล้ๆ ที่ไม่เคยเห็น" พี่เอ๊ดหยิบจับเรื่องราวรอบตัวที่เราอาจมองข้าม หรือไม่สนใจ มาจับโยงกับธรรมะได้แบบเนียนๆ แม้แต่เรื่องปรับซ่อมถนนในซอยบ้าน ยังนำมาโยงเข้าหลักธรรมได้อ่ะ เรื่องต่างๆ ในเล่มนี้ เป็นเรื่องที่คนทั่วไปคงมองตามแบบที่มันเป็น ซ่อมถนนก็คือซ่อมถนน ก็เห็นซ่อมมันกันทั้งปีทั้งชาติ เป็นเรื่องน่าเบื่อน่ารำคาญ แต่พี่เอ๊ดกลับมองเห็นในอีกมุมหนึ่ง มุมที่ผูกโยงกับธรรมะ นำมาเขียนบอกให้แง่คิด อย่างเรื่องรถติด ที่เราๆ ท่านๆ ต่างก็บ่นเบื่อหน่ายกันถ้วนหน้า พี่เอ๊ดก็ชี้บอกให้ได้สติคิดดูว่าที่เราทุกข์น่ะ เราไม่ได้ทุกข์

** เนื้อหาด้านล่างมีสปอล์ยค่ะ ** หลังจากรอคอยมานาน ในที่สุด The Fault in Our Stars เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ก็เข้าฉายไปเมื่อพฤหัสฯที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา และเรามีโอกาสได้ไปดูมาเมื่อวันศุกร์ สำหรับเรื่องย่อขอไม่กล่าวซ้ำแล้วกันค่ะ เคยเขียนถึงเรื่องนี้จากการอ่านหนังสือไปแล้ว อ่านย้อนหลังได้ที่  http://menalin.blogspot.com/2014/07/fault-in-our-stars.html สำหรับดาวบันดาลในรูปแบบภาพยนตร์นี้น่าประทับใจไม่น้อยค่ะ นักแสดงนำทั้งสองคนที่รับบทเฮเซล และออกัสตัสถือว่าแสดงออกมาได้ตรงใจ โดยเฉพาะพ่อหนุ่ม Ansel Elgort ที่รับบทออกัสตัส เขาเป็นกัสได้น่ารักน่าชังเหมือนในนิยายเลย แต่น่าเสียดายที่ในหนังตัดและปรับบทจากในหนังสือไปหลายส่วน และมีบางส่วนที่เรารู้สึกว่าเขาไม่น่าตัด อย่างเรื่องแฟนเก่าของกัส เราว่าจุดนี้เป็นจุดเสริมเรื่องพอสมควรนะ มันทำให้เฮเซลดูมีเหตุผลที่ดีและหนักแน่นยิ่งขึ้นที่จะปฏิเสธกัส และขอเป็นแค่เพื่อน และทำให้ความรู้สึกตอนที่กัสบอกเฮเซลว่าเขาโชคดีที่ได้รักเธอมันหนักแน่นขึ้น ท่วมท้นขึ้น และซึ้งยิ่งขึ้น ว่าพวกเขาโชคดีที่ได้รักกัน และอีกจุดที่รู้สึกขุ่นเคื

ชื่อเรื่อง: รหัสลับ เกเก้วินชี (Gay Vici Code) ผู้เขียน: Pascal Fioretto ผู้แปล: ทุรมาลี สนพ. กำมะหยี่, พิมพ์ครั้งที่ 1 (กรกฎาคม 2552) เมื่อนิยายดัง รหัสลับดาวินชี (The Da Vinci Code) ของ แดน บราวน์ ถูกนำมาดัดแปลง ล้อเลียน สับ ยำ ฮา จะเป็นอย่างไร?! ชารฺลุส แกลงดอน ได้รับเชิญไปพบกับภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์เพศในปารีส แต่กลับได้พบว่าภัณฑารักษ์นั้นกลายเป็นศพไปซะแล้ว! เขาและเซดริก หลานชายตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที อดีตสารวัตรคู่แค้น และตร. อีกสองนายที่เป็นสมาชิกองค์กรลับ ที่พยายามเปิดโปงรสนิยมทางเพศของแกลงดอน ออกติดตามหมายจับตัวแกลงดอนให้ได้ แกลงดอน และเซดริกต้องรีบหาทางไขปริศนาที่ผู้ตายทิ้งไว้ ปริศนาที่จะนำไปสู่การไขความลับเรื่องเพศที่จะเขย่าให้โลกสะเทือน ไหนจะปริศนาที่ต้องไข ผู้ร่วมผจญภัยแสนประหลาด ตำรวจที่ตามล่าตัว ท่านนายผู้ลึกลับ และยังนักฆ่ากระเทยร่างยักษ์ แกลงดอน และเซดริกจะรอดไหมล่ะเนี่ย! เป็นนิยายล้อเลียนเล่มแรกในชีวิตที่ได้อ่าน ก็แปลกไปอีกแบบ ปกติเราๆ ท่านๆ น่าจะเคยเห็น หรือได้ดูหนังตลกที่สร้างล้อเลียนหนังดังๆ อย่าง Scary Movie ที่มีออกมาตั้

**เนื้อหาด้านล่างมีสปอล์ยบางส่วนนะคะ (แต่ไม่ได้เฉลยตอนจบ)** เพิ่งสอย DVD มาดูเมื่อทิตย์ที่แล้ว แค่เห็นบรรดาดาราที่ตบเท้ามาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ก็ฟินละ เอเดียน โบรดี้, เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, จู๊ด ลอว์, โอเวน วิลสัน ฯลฯ โอ๊ย ตายๆ หัวใจมันสั่น นักเขียนคนหนึ่งเล่าย้อนถึงเรื่องราวตอนที่เขาไปพักที่โรงแรม The Grand Budapest สมัยยังหนุ่ม เขาได้พบกับซีโร่ มุสตาฟา เจ้าของโรงแรม และมีโอกาสได้พูดคุยกันว่า เป็นไงมาไงมุสตาฟาถึงกลายมาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ ซีโร่ มุสตาฟาอพยพหนีภัยสงครามมาเป็น lobby boy คนใหม่ และเข้ารับการฝึกงานกับกุสตาฟ พนง. ต้อนรับใน The Grand Budapest Hotel โดยตรง กุสตาฟคอยดูแล จัดการบริหารเรื่องต่างๆ ภายในโรงแรมอย่างเป็นระบบระเบียบ เขาได้รับความนับถือ และเป็นพนง. ที่เป็นที่นิยมชื่นชอบของบรรดาแขกเหรื่อ โดยเฉพาะสาวแก่แม่ม่ายทั้งหลาย วันหนึ่ง มาดามดี 1 ในลูกค้าประจำของโรมแรม และกิ๊ก (รุ่นแม่) ของกุสตาฟเสียชีวิตลงกระทันหัน กุสตาฟเดินทางไปงานศพของเธอพร้อมกับซีโร่ ในงานศพ ทนายได้ประกาศว่ามาดามดียกภาพวาดภาพหนึ่งซึ่งมีมูลค่ามหาศาลให้กับกุสตาฟ สร้างควา

"ฉันหลงรักเธอ และฉันก็ไม่ใช่คนที่จะอุตส่าห์ปฏิเสธตัวเอง เรื่องความสุขง่ายๆ ที่มากับการพูดความจริง ฉันรักเธอ และฉันรู้ว่าความรักเป็นเพียงเสียงตะโกนลงสู่ห้วงลึกที่ไม่มีใครได้ยิน รู้ว่าการถูกลืมเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ รู้ว่าเราทุกคนต้องตาย รู้ว่าวันหนึ่งทุกอย่างที่เราทำไว้จะกลับคืนสู่ธุลี รู้ว่าดวงอาทิตย์จะกลืนกินโลกเพียงใบเดียวที่เราจะมีได้  และฉันก็รู้ว่าฉันรักเธอ" - ออกัสตัน วอเทอร์ส #ดาวบันดาล #TheFaultInOurStars   #JohnGreen ชื่อเรื่อง: ดาวบันดาล (The Fault in Our Stars) ผู้เขียน: John Green ผู้แปล: เขมรินทร์ พงษ์สุวรรณ สนพ. คลาสแอคท์, มีนาคม 2557 **คำเตือน: เนื้อหาสปอล์ยนะคะ** "และเราก็หากันจนเจอ..." มีหนังสือแค่ไม่กี่เล่มเท่าที่จำได้ ที่อ่านแล้วจะร้องไห้ หรือรู้สึกเป็นสุขใจ อิ่มเอม หนังสือที่อ่านกี่ทีก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรก็เรื่อง "น้ำพุ" ของคุณสุวรรณี สุคนธา อีกเล่มที่จำได้แม่นก็เห็นจะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 5 ผ่านเรื่อยมาจนบัดนี้ ในที่สุดก็ได้มาอ่าน "ดาวบันดาล (The Fault in Our Stars)"

ชื่อเรื่อง: นางฉาวในประวัติศาสตร์ (Scandalous Women) ผู้เขียน: Elizabeth Kerri Mahon (มาโฮน, เอลิซาเบธ เคอร์รี่) ผู้แปล: โตมร ศุขปรีชา สนพ. มติชน, มิถุนายน 2556 หยุดยาว 3 วันช่วงวันพระใหญ่ ซุ่มเงียบอยู่บ้านลุยอ่านหนังสือที่ค้างคาอยู่สองเล่ม 1 ในนั้น คือ นางฉาวในประวัติศาสตร์ เล่มนี้ พกติดกระเป๋าไว้อ่านตอนเดินทางมาพักใหญ่ละ อ่านได้วันละนิดวันละหน่อย เลยใช้เวลานาน มามีโอกาสอ่านรวดเดียวต่อจากที่ค้างอยู่จนจบเมื่อคืนนี้เอง นางฉาวในประวัติศาสตร์ ผู้เขียนรวบรวมเรื่องราวของสตรีที่มีชื่อเสียงไว้ 35 คน ทั้งที่มีชื่อเสียงในทางที่ (ค่อนข้าง) ดี และ ออกไปในทางฉาวกระฉ่อน วีรกรรมอาเจ๊แต่ละนางบอกเลยว่าไม่ธรรมดา พวกเธอล้วนแล้วแต่เป็นขบถแห่งยุคสมัย ออกมาท้าทาย เฉิดฉายในยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ในสังคม และผู้หญิงเป็นได้แค่เพียงแม่บ้านแม่เรือนในกรอบประเพณีที่เคร่งครัด หนังสือเล่มนี้เป็น Her-Story ไม่ใช่ His-(s)tory อ่านสนุก ไม่น่าเบื่อ เรื่องราวของสตรีแต่ละคนล้วนน่าสนใจ หลายคนเป็นคนดังที่เรารู้จักกันดี อย่างเช่น โจน ออฟ อาร์ก, ควีนแอน โบลีน, ฟรีดา คาห์โล, แอน ที่เรารู

เป็นหนังที่ดูจบแล้ว งง ค่ะ เนื้อเรื่องออกไปทาง fantasy มี demon อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ ม้าบินได้ อะไรเทือกนั้น หนังได้ดารานำดังๆ ตบเท้ามาร่วมแสดงเพียบ ทั้ง Colin Farrell (รับบท Pete Lake พระเอก), Russell Crowe (รับบทเป็น Pearly Soames เดมอนตัวร้าย), Will Smith (รับบทเป็น Judge) คำเตือน: เนื้อหาด้านล่างอาจมีสปอล์ยหนังบางส่วนนะคะ ใครยังไม่อยากรู้ก่อนดูหนัง โปรดเลี่ยงการอ่านบล็อกนี้ Peter Lake เด็กชายกำพร้าที่ถูกลอยไปกับเรือ (ตามที่มีคนเล่าให้เขาฟัง) มาติดที่ฝั่งเมืองนิวยอร์ก เขาถูกเก็บมาเลี้ยง และโตมาในแก๊งของ Pearly Soames Peter มีความสามารถพิเศษในการซ่อมแซมสิ่งของต่างๆ ที่พัง เขาสัมผัสได้ถึงกลไกของสิ่งนั้นๆ แต่พรสวรรค์นี้กลับถูกนำมาใช้ในทางมิจฉาชีพ เขาเป็นมือขโมยคนโปรดของ Pearly แต่ทั้งสองเกิดมีเรื่องขัดแย้งกัน Peter ถูกตามล่า ขณะกำลังหลบหนี เขาเจอม้าสีขาวแสนรู้ตัวหนึ่ง มันช่วยพาเขาหนีฝ่าวงล้อมของ Pearly ไปได้ แถมยังนำพาเขาไปเจอกับ Baverly Penn ลูกสาวของเศรษฐีที่ป่วยเป็นโรคประหลาด พวกเขาตกหลุมรักกันในเวลาอันรวดเร็ว แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน Baverly จากเ