ดาวบันดาล (The Fault in Our Stars) - เราทุกคนล้วนมีดวงดาวคนละดวง

"ฉันหลงรักเธอ และฉันก็ไม่ใช่คนที่จะอุตส่าห์ปฏิเสธตัวเอง
เรื่องความสุขง่ายๆ ที่มากับการพูดความจริง
ฉันรักเธอ
และฉันรู้ว่าความรักเป็นเพียงเสียงตะโกนลงสู่ห้วงลึกที่ไม่มีใครได้ยิน รู้ว่าการถูกลืมเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
รู้ว่าเราทุกคนต้องตาย
รู้ว่าวันหนึ่งทุกอย่างที่เราทำไว้จะกลับคืนสู่ธุลี
รู้ว่าดวงอาทิตย์จะกลืนกินโลกเพียงใบเดียวที่เราจะมีได้ 
และฉันก็รู้ว่าฉันรักเธอ"
- ออกัสตัน วอเทอร์ส


ชื่อเรื่อง: ดาวบันดาล (The Fault in Our Stars)
ผู้เขียน: John Green
ผู้แปล: เขมรินทร์ พงษ์สุวรรณ
สนพ. คลาสแอคท์, มีนาคม 2557

**คำเตือน: เนื้อหาสปอล์ยนะคะ**

"และเราก็หากันจนเจอ..."
มีหนังสือแค่ไม่กี่เล่มเท่าที่จำได้ ที่อ่านแล้วจะร้องไห้ หรือรู้สึกเป็นสุขใจ อิ่มเอม
หนังสือที่อ่านกี่ทีก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรก็เรื่อง "น้ำพุ" ของคุณสุวรรณี สุคนธา
อีกเล่มที่จำได้แม่นก็เห็นจะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 5
ผ่านเรื่อยมาจนบัดนี้ ในที่สุดก็ได้มาอ่าน "ดาวบันดาล (The Fault in Our Stars)"
ได้รอยยิ้ม และเสียน้ำตาไปเรียบร้อยโรงเรียนจอห์น กรีน

แรกเริ่มเดิมทีความสนใจที่มีต่อนิยายเรื่องนี้พุ่งไปที่หนัง
ซึ่งกำลังจะเข้าฉาย 24 ก.ค. นี้มากกว่า
อยากดูหนังมากซะจนอยากรู้เรื่องราว
ละพอรู้ว่ามีสนพ. ตีพิมพ์ฉบับแปลก็รีบไปสอยมาอ่าน
แล้วก็ไม่ผิดหวัง โคตรชอบนิยายเรื่องนี้เลยอ่ะ!

ดาวบันดาล หรือ The Fault in Our Stars เป็นเรื่องราวของเฮเซล เกรซ
ออกัสตัส วอเทอร์ส และ ไอแซค
เด็กวัยรุ่นสามคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง พวกเขาพบกันที่กลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็ง
(ก็ไอ้แบบที่เราเห็นในหนังฝรั่ง ที่เขาไปนั่งจับกลุ่มพูดคุย
แบ่งปันประสบการณ์ ให้กำลังใจกันและกันนั่นแหละ)
เฮเซลไปเพื่อให้แม่กับพ่อสบายใจ ทั้งที่ตัวเธอไม่ค่อยจะพิสมัยการไปร่วมกลุ่มนี่เท่าไร
เธอเคยป่วยเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ และได้รับการรักษา พร้อมด้วยตัวยาใหม่
(ซึ่งตัวยานี้ผู้เขียนคิดขึ้นเอง ไม่มีอยู่จริง)
จนเธอสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตของมะเร็งระยะร้ายแรงมาได้
แต่ปอดของเธอก็แย่เอามากๆ เนื่องจากการติดเชื้อ
เฮเซลหายใจเองไม่ได้ ต้องไปไหนมาไหนกับเจ้าฟิลลิป หรือถังอ๊อกซิเจนตลอด
ออกัสตัส เป็นมะเร็งกระดูก และต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง
ส่วนไอแซค เสียดวงตาไปแล้ว 1 ข้าง และกำลังจะเสียอีกข้างเพื่อกำจัดเซลส์มะเร็ง
ออกัสตัส "ปิ๊ง" เฮเซล เขาสนใจเธอและไม่ลังเลเลยที่จะเข้ามาทำความรู้จัก
พวกเขาต่างก็มีหนังสือเล่มโปรด และเอามาแลกกันอ่าน
และจากการรักการอ่านนี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเขาเดินทางไปอัมสเตอร์ดัมด้วยกัน
เพื่อตามหาคำตอบของนิยายเรื่องโปรด จากนักเขียนในดวงใจ
พร้อมๆ ไปกับความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ งอกงาม (แข่งกับมะเร็ง)

หนังสือเล่มโปรดของเฮเซล ที่ให้ออกัสตัสอ่าน
เรื่องราวจบลงแบบดื้อๆ จบแบบเหมือนไม่จบ
เรื่องราวขาดหายไปกลางคัน
นั่นแสดงถึงความเปราะบาง และสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ใช่ไหม
อยู่ดีๆ ก็อาจจะจากไป ชีวิตขาดหาย
เหมือนข้อความที่เขียนไม่จบประโยค
เรื่องราวที่ไม่มีตอนจบ เพราะไม่มีใครมาเล่าต่อ
ชีวิตจริง มันก็เป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่า

อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดผู้อ่าน และทำให้นิยายเรื่องนี้อ่านสนุก
ก็เห็นจะเป็นเสน่ห์ของตัวละคร
อย่างออกัสตัส หนุ่มน้อยอายุ 17 ที่มีลีลาจีบสาวน่าเอ็นดู
เป็นคนประเภทที่คุณจะหลงเสน่ห์ หรืออาจหลงรักได้ไม่ยาก

เฮเซล เด็กสาวอายุ 16 ที่การป่วยหนักเกือบตายทำให้เธอมีความคิดความอ่านเกินอายุ
และดูจะโตกว่าผู้ใหญ่หลายๆ คนด้วยซ้ำ
ความช่างประชดประชันของเธอก็เสริมให้ตัวละครตัวนี้โดดเด่น 
อีกทั้งความเข้มแข็งที่เธอมีก็เสริมให้ตัวละครตัวนี้ไม่ทุกข์ตรม หรืออ่อนแอเกินไป

ไอแซค ต้นแบบวัยรุ่นป่วยหนักที่อารมณ์ร้อนแรงสุดซ่า ความคิดแสบสัน

"การคิดว่าเราจะไม่ตายก็
เป็นอีกหนึ่งในผลข้างเคียงของการใกล้ตาย"
- เฮเซล เกรซ

เฮเซลสะท้อนอีกมุมหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งให้เราได้เห็น
มันไม่ใช่หนทางเข้มแข็ง และดูดีอย่างที่สายตาคนปกติมอง
และมักบอกว่า คนเหล่านี้ช่างเป็นแรงบันดาลใจ หรืออะไรแบบนั้น
พวกเขาป่วย และมันทรมาน ต้องเป็นหมอนปักเข็ม เป็นหนูทดลองยา
และบ่อยครั้งที่ความตายอาจจะดีกว่าทนทรมานต่อไป
แต่ถึงแม้จะป่วยหนัก และทรมานขนาดไหน
พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความทุกข์ตรมออกมา หรือต้องการความสงสารจากใคร

ออกัสตัส กลัวการถูกลืม
เฮเซล บอกเขาว่าการถูกลืมเป็นเรื่องธรรมดา
แต่...หลังจากพบเฮเซลแล้ว
การกลัวว่าจะถูกลืม จะเป็นการดูถูกกันไปหน่อยไหม ออกัสตัส :)

นี่ไม่ใช่นิยายเศร้ารันทดบีบคั้นจิตใจอะไรแบบนั้น
ไม่ได้น้ำเน่ารักกันปานจะกลืนแบบดูล้นๆ จนเลี่ยน
มันเป็นนิยายที่ "ดี" หรือน่าจะใช้คำว่าสวยงามได้นะ
อ่านแล้วคุณจะยิ้มไปกับเรื่องราว ความคิดความอ่านของพวกเขา
และอาจก่นด่าสาปแช่งโชคชะตาที่มักเล่นตลกอย่างโหดร้าย
หรือร้องไห้ไปกับออกัสตัส และเฮเซล
ไม่แปลกใจเลยที่เป็นหนังสือขายดี
และไม่ลังเลเลยที่จะอวยหนังสือเล่มนี้ให้ออกนอกหน้าไปไกลหลายปีแสง
ไม่ใช่หนังสือที่อ่านแล้วจบแล้วก็จบไป
แต่อ่านจบแล้ว ก็อยากหยิบมาอ่านซ้ำ
เหมือนเวลาดูหนังจบ แต่อารมณ์ไม่จบ อยากดูต่อ อยากดูอีก แบบนั้นเลย

ตอนจบของ ดาวบันดาล ก็โดนจอห์น กรีนเล่นงานเข้าด้วยปริศนา
คล้ายๆ กับเรื่องราวตอนจบของหนังสือเล่มโปรดของเฮเซลเลย!
มันค้างคานะเฮีย หรือนี่ฉันต้องบินไปหาเฮียแบบเฮเซลเพื่อขอคำตอบกันล่าาาา

คนเราทุกคนล้วนมีดวงดาวของตัวเอง
ดาวบางดวงอาจได้เพียงแค่พานพบ แล้วแยกจาก
แต่บางดวง...อาจกลายเป็นนิรันดร์
แต่...นิรันดร์ของคนเราไม่น่าจะเท่ากันหรอกนะ
นิรันดร์อาจไม่ได้แปลว่าตลอดกาล
นิรันดร์สำหรับบางคนอาจเป็นช่วงเวลาไม่กี่นาที
แต่เป็นความทรงจำดีๆ ตลอดไป...

และหากว่าได้พบดวงดาวดวงนั้นแล้ว
อย่าลืมทำให้แน่ใจว่าคุณใช้เวลาคุ้มค่าจริงๆ กับในทุกๆ วินาทีที่ผันพ่าน


"ฉันไม่รู้จะหาคำใดมาบอกนายดี
ว่าฉันขอบคุณแค่ไหนกับอนันต์เล็กๆ ของเรา
ฉันจะไม่ยอมแลกอนันต์ของเรากับอะไรทั้งนั้น
นายมอบนิรันดร์ให้ฉันในจำนวนวันที่มีจำกัด
และฉันก็ซาบซึ้งใจ" 
- เฮเซล เกรซ

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)