เชียงคาน...เมืองที่เวลาหยุดหมุน ตอนจบ

       ได้ฤกษ์มาเขียนตอนจบสำหรับทริปเชียงคานสักที สืบเนื่องจาก http://mecinnamon.blogspot.com/2012/01/1.html ตอนแรก วันรุ่งขึ้น (22 ม.ค.) ตื่นกันแต่เช้ามืดค่ะ เดินทางขึ้นภูทอกไปรอชมทะเลหมอก ติดต่อรถรับจ้างสกายแล็บไว้ 1 คัน ไป 3 คน ลุงแกคิด 400 บาท ไปภูทอก และวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน 2 ที่ (ทั้งสองที่ระยะห่างกันประมาณ 6 - 8 กม. ตามที่ลุงคนขับแกบอก) ปีที่แล้วที่เคยมาไปภูทอกด้วยรถกระบะค่ะ คนละ 100 บาท เขาจะพาไป 3 ที่ ภูทอก, วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน, และแก่งคุดคู้ แต่ต้องไปรวมกับคนอื่นนะคะ เขาจะมารับที่หน้าบ้านพัก สามารถติดต่อผ่านที่พักให้เขาช่วยนัดแนะรถกระบะได้ค่ะ ส่วนรถสกายแล็บนี่ต้องติดต่อเอง ต่อรองราคาได้ ถ้าตอนไปไปกับรถบขส. ตอนลงรถจะมีคิวรถสกายแล็บอยู่สามารถพูดคุยขอเบอร์ติดต่อเผื่อไว้ได้เลย
ออกเดินทางขึ้นภูราวๆตี 5 ครึ่งไปถึงเชิงภูก็ต่อรถกระบะของทางอบต.หรือไงเนี่ยล่ะค่ะขึ้นไปยอดภูอีกต่อหนึ่ง (เขาไม่ให้ขับรถส่วนตัว หรือรถรับจ้างขึ้นค่ะ ไม่มีที่จอด ต้องจอดรถไว้ด้านล่าง แล้วนั่งรถกระบะที่เขาจัดไว้ให้ขึ้นไปอีกที ค่าโดยสารคนละ 25 บาท)
ขึ้นไปถึงแล้วชื่นใจค่ะ แม้ฟ้าจะยังไม่สว่าง แต่ก็มองเห็นได้ลางๆว่ามีทะเลหมอก! ข้าพเจ้าแทบจะกรี๊ดเลยทีเดียวเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้เห็นทะเลหมอกกับเขาสักครั้ง ปลื้มมาก คนก็ไม่เยอะมากพอจะมีที่แทรกตัวให้เข้าจับจองที่ยืนชมพระอาทิตย์ขึ้น เช้านี้พระอาทิตย์ขี้อายค่ะ กว่าจะยอมโผล่พ้นหมอกขึ้นมาให้เห็นได้นี่ปาเข้าไป 7 โมงเช้าโดยประมาณ อากาศหนาวพอประมาณค่ะ มีไอเย็นให้สดชื่นชุ่มปอดนิดหน่อย



แว๊นรุ่นเดอะ ณ เชียงคาน 55



เช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกภูทอก



ดูหนานุ่ม อยากจะกระโดดลงไปมาก แต่คงไม่ดีเนาะ 55



พระอาทิตย์ขี้อาย ค่อยๆโผล่หน้ามาทักทาย อรุณสวัสดิ์ภูทอก :]



รุ่งอรุณ
พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง :D

ชื่นชมและชักภาพเก็บเป็นที่ระลึกกันจนพอใจ ก็ขึ้นรถกระบะลงมาเติมพลังด้วยข้าวต้มร้อนๆตรงทางขึ้นภูทอก อร่อยและถูก



น่ากินป่ะล่ะ =w<+



ขาลง



ระหว่างทาง

จากภูทอก ก็มุ่งหน้าไปสักการะรอยพระพุทธบาทกันที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงินค่ะ ที่นี่มีตำนานว่า มีชาวนาคนหนึ่งจะนำควายมาเลี้ยงที่ภูนี้ประจำ เลี้ยงควายทำนาจนรวยมีเงินมีทอง เลยเรียกกันว่าภูควายเงิน (จำมาแบบตกๆหล่นๆนะคะ ไปขอฟังฉบับเต็มได้จากคนที่นั่นค่ะ) แต่เนื่องจากเครื่องยนต์ของเจ้าสกายแล็บมันไม่แรงพอจะขึ้นไปบนภูควายเงินค่ะ ทางลาดชันมากๆ ขึ้นเขาไปไกลพอสมควร ลุงแกเลยพาเราขึ้นไปไม่ได้ ต้องเดิน! ตอนแรกลุงแกบอกประมาณ 600ม. พวกเราก็เอาวะ เดินก็เดิน ลืมนึกไปว่า 600ม. ทางลาดชัน กับทางตรงนี่ความโหดมันต่างกันเยอะ เดินๆไปเริ่มจะไม่ไหว รถที่วิ่งสวนลงมาก็ให้กำลังใจเหลื๊อออเกิน "อีกโลเดียวน้อง อีกโลเดียว" แล้วก็ขับผ่านไป TT^TT จริงๆลุงแกบอกให้รอโบกขอติดรถคันอื่นขึ้นไปก็ได้ แต่ไม่มีใครโบก เดินเอา จนกระทั่งมีอัศวินขับกระบะสีบลอนด์เงินขึ้นเขามา กวักมือเรียกให้ขึ้นรถพาไปส่งบนยอดภู ลุงแกขนผักเลี้ยงกระต่ายขึ้นมาส่งร้านค้าทีวัดพอดี มาส่งแล้วแกยังใจดีบอกว่าไหว้พระเที่ยวชมวัดเสร็จเมื่อไรมาบอก เดี๋ยวแกพาลงไปส่ง รักลุงมากอยากจะโดดหอมแก้ม แต่เกรงภรรยาแกจะไม่พอใจ 555 น้ำใจคนท้องถิ่นที่นี่สุดยอดจริงๆค่ะ ใจมากๆ ว่าแต่ลุงคนขับสกายแล็บหลอกหนูอ่ะ ไหนบอก 600ม. จริงๆมะนเป็นกิโลฯน๊า TT^TT
จุดเด่นของวัดพระพุทธบาทภูควายเงินอยู่ที่ รอยพระพุทธบาท และกระต่ายค่ะ กระต่ายเยอะมาก สักการะรอยพระพุทธบาทแล้ว ซื้อผักสักกำมาให้อาหารน้องกระต่ายทั้งหลายสักหน่อยก็เพลินดีค่ะ น่ารักๆทั้งนั้น ทางลงไปชมรอยพระพุทธบาทจะชันหน่อยนะคะ ยังทำไม่เสร็จดี ตอนนี้เขากำลังสร้างอุโบสถครอบรอยพระพุทธบาทอยู่ สร้างมานานพอสมควรละค่ะ น่าจะปีกว่าๆได้แล้วยังไม่เสร็จเลย



รูปปั้นควายเงิน เห็นเขาว่าลูบท้องขอพรได้ ถ้าได้ไปลองถามคนที่วัดดูค่ะ



นอนสบายเชียวนะ



โชว์ยืนสองขา

เสร็จจากภูควายเงินก็เดินทางกลับที่พักเลย (ตกลงกันว่าไม่ไปแก่งคุดคู้ เนื่องจากจ้าพเจ้าเคยไปแล้วเฉยๆ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร จะเป็นเนินทรายในแม่น้ำโขงกว้างๆ ถ้าอยากถ่ายรูปลองแวะไปดูก็ได้ค่ะ) แยกย้ายทำธุระส่วนตัวแล้วก็รวมพลกันปั่นจักรยานดูร้านรวงต่างๆในเชียงคานกันสักหน่อย



คุณลุงเจ้าของบ้านเจอเลย กำลังช่วยปรับเบรกจักรยาน



พร้อมซิ่ง (แดดร้อนมากกกกกกก)


ใช้โหมดมาโคร สีสดมาก



น้องไก่โชว์ตัวหน้าร้าน "โรงหนังสุวรรณรามา" ซอย 9 ค่ะ ร้านนี้ไข่กระทะอร่อย มีเครื่องดื่ม แซนวิช ไอศกรีมปั่น ก็รสชาติดี มี wi-fi ด้วย ราคากลางๆค่ะ



classic window :) (ร้านลานตา ลาเต้ ริมโขง)

  แวะจิบชา กาแฟกันที่ร้านลานตา ลาเต้ค่ะ เครื่องดื่มอร่อยดี ราคาอยู่ที่ 60 ++ ร้านอยู่ริมโขง ชมวิวสวยทีเดียว



ท้องฟ้ายามบ่ายแก่ๆ

ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา เผลอแผล่บเดียวก็จวนได้เวลาที่เราต้องจากกัน มาเชียงคานคราวนี้อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มท้องเหมือนเดิม แต่ก็มีหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนไป โฮมสเตย์ บ้านพัก ร้านรวง "ใหม่" ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดฤดูฝน ความเจริญและธุรกิจเริ่มคืบคลานเข้ามาสู่เมืองเล็กๆแสนอบอุ่น เมืองที่ได้รับขนานนามว่า "เมืองที่เวลาหยุดหมุน" แห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีคนไปผลักให้เข็มนาฬิกาเริ่มหมุนสินะ 
ความเจริญที่เห็นได้ชัดก็อย่างเช่น ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ป้ายสติ๊กเกอร์โฆษณา TRUE-H ที่มีอยู่ทุกบ้าน โฮมสเตย์หลังใหม่ๆ ที่ใช้ "ไม้ใหม่" ร้านค้าขายของที่ระลึก ที่ของบางอย่างก็ไม่ได้สื่อถึงความเป็นเชียงคานสักนิด เพื่อนบ้านเริ่มมีปัญหากัน แบ่งเขตค้าขาย สร้างไม้ระแนงกั้นบ้านกัน เห็นสิ่งเหล่านี้แล้วใจหายค่ะ เชียงคานเปลี่ยนไปเยอะ และรวดเร็วเหลือเกิน ไม่อยากให้เปลี่ยนไปมากกว่านี้เลย :(
มีโอกาสได้ไปคุยกับพี่เจ้าของร้าน "ที่ทำการพัก" ตรงซอย 13 (แกจะติสท์ๆ กวนๆ ดูดุๆ แต่ใจดีค่ะ ถ้าเข้าไปพูดคุยทักทายอย่างสุภาพแกจะต้อนรับอย่างดี แสดงความเกรงใจแกพองามแกจะต้อนรับอบอุ่นค่ะ 55) เปรยๆกับแกว่ากลัวว่าเชียงคานจะเปลี่ยนไปแบบปาย แกตอบว่า "จะแย่กว่าอีก ไม่มีระเบียบเอาเลย ใครอยากจะตั้งร้านตรงไหนก็ตั้ง จะขายตรงไหนก็ขาย อยากจอดรถตรงไหนก็จอด"



เป็นหน่วยงานที่น่าสนับสุนนที่สุด แบ่งงบประมาณไปให้เยอะๆเลยได้ไหม :D



เชิญพัก

เวลาไปเที่ยวก็ขอให้เที่ยวเชิงอนุรักษ์กันนะคะ ซึบซับวิถีชนบทชิวๆสบายๆสไตล์คนเชียงคานกันพองาม อย่าไปทิ้งขยะไม่เป็นที่ ส่งเสียงเอะอะเสียงดัง ตั้งวงกินเหล้าอะไรแบบนี้เลยนะ เพื่อที่เราจะได้มีที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจสบายๆแบบนี้ไปอีกนานๆ :)



ป้าเจ้าของบ้านเจอเลย น่ารักสุดอ่ะคนนี้ 55

ใครไปเที่ยวก็ขอให้สนุก สบาย และชิวสมใจค่ะ ปั่นจักรยานริมโขงดูนะคะ ชื่นจายยยยยยย >w
ณ เมืองนี้ เมืองที่เวลาหยุดหมุน เชียงคาน



บอกลาฟ้าเชียงคาน ไปก่อนนะ แล้วจะกลับมาใหม่ :) รัก..."เลย"

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)