Glass Sword - ได้สิ่งหนึ่งมา ก็อาจต้องเสียสิ่งหนึ่งไป

"The girl I see is both familiar and foreign, Mare, Mareena, the lightning girl, the Red Queen,
and no one at all.
"
- Mare (p. 354)

ภาพจาก goodreads.com

"Glass Sword (Red Queen 2)"

ผู้เขียน: Victoria Aveyard
Harperteen, 2016

          หลังจากใช้เวลากับการอ่านเล่มนี้มานาน ในที่สุดก็จบเสียที รู้สึกโล่งมาก เหมือนทำงานส่งทัน deadline อย่างไรอย่างนั้น กับภาคต่อของ Red Queen ราชินีสีแดง ในชื่อภาษาไทย (ตีพิมพ์ฉบับแปลไทยโดยแพรวสำนักพิมพ์) Glass Sword (ชื่อภาษาไทยคือ รุ่งอรุณสีเลือด) เดินเรื่องต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์กบฏในภาคแรก Mare นำทีมออกค้นหากลุ่มเลือดใหม่ (new blood) หรือพวกกลายพันธุ์เช่นเดียวกับเธอ เพื่อปกป้องพวกเขาจากการถูกใช้เป็นอาวุธโดยกษัตริย์พระองค์ใหม่ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเสี่ยง พวกเขาต้องทำงานแข่งกับเวลา แล้วยังต้องคอยหลบหลีกหลุมพลางและการไล่ล่าของพวกเลือดสีเงิน Mare ต้องเผชิญกับภาระอันหนักอึ้ง และการตัดสินใจอันท้าทาย เพราะพลาดเพียงนิดเดียวย่อมนำไปสู่จุดจบของพวกเขาทั้งหมด ศึกรบว่าหนักแล้ว ศึกรักและการต่อสู้ภายในจิตใจตัวเองยิ่งหนักกว่า เมื่อเวลานั้นมาถึง Mare ต้องเลือกระหว่างฟังสัญชาตญาณ หรือจะฟังหัวใจตัวเอง "Anyone, anything, can betray anyone. Even your own heart." - Julian (p. 411)

          อ่านจบแล้วก็กรีดร้อง เรียกหาเล่ม 3 ออกมาเร็ว ๆ ได้ไหม มันค้างคาเกินไป โหดร้ายแท้เหลา แม้เล่มนี้จะมีช่วงที่เรื่องอืด ๆ อยู่บ้าง ความสนุกตื่นเต้นลดน้อยลงกว่าเล่มแรกไปหน่อย แต่ผู้เขียนเล่นกับความกดดันบีบคั้นผ่านตัวละครอย่าง Mare ได้ดีทีเดียว เรารับรู้ได้ถึงความสับสัน หวาดระแวง ความรู้สึกผิด และความกลัวของเธอได้ดี นึกถึงแคตนิสใน Hunger Games กับ ทริสใน Divergent ที่ต้องทนรับทุกสิ่งคล้าย ๆ กัน แต่ก็ไม่สามารถหยุด หรือหลบหนีไปได้ ในทางตรงกันข้ามต้องแสดงออกอย่างกล้าหาญ กล้าที่จะคิด และตัดสินใจ แบกรับภาระที่ใหญ่เกินตัว เพราะตัวเองกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ไปเสียแล้ว อ่าน ๆ ไปก็ต้องคอยเตือนตัวเองว่า นี่คือเด็กสาวอายุแค่ 17 ปี (ที่ดันมีพลังสายฟ้า นี่มันขุ่นแม่ Storm ใน X-Men​ หรือเปล่าเนี่ย)

          จากนี้ก็รอภาคต่อกันต่อไปกับ King's Cage นี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรหักมุม หรือให้สะเทือนใจหรือเปล่า ยังเดาทางไม่ถูก บอกตรง ๆ กลัวใจนักเขียนสมัยนี้ ชอบทำร้ายจิตใจคนอ่านกันเหลือเกิน ใครชอบ Hunger Games หรือ Divergent อาจจะลองอ่านเรื่องนี้ดูอีกเรื่อง เป็นนิยายแนวการเมือง ที่ไปทางแฟนตาซี แถมโรแมนติกนิด ๆ เอามาผสมกันแล้วออกมาสนุกดีทีเดียว เราชอบที่ตัวละครมีพลังพิเศษแบบ X-Men ด้วยเนี่ยแหละ (แถมมีหินที่ทำให้ใช้พลังไม่ได้ด้วย ไม่รู้สกัดมาจากคริปโตไนต์ แหล่งเดียวกับบ้านเกิดซุปเปอร์แมนหรือเปล่า ฮาาาา)

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)