Lipe First Time EP1

"ไม่มีใครเที่ยวเผื่อกันได้ อยากพบอยากเจอต้องไปเที่ยวเอง"
- ศุ บุญเลี้ยง #รักเก่าที่บ้านเกิด #ศุสาน


ทริปนี้ที่รอคอย
30 เมษายน 2557 ฤกษ์งามยามดี โผขึ้นเรือบิน ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เกาะหลีเป๊ะ!
เนื่องจากทริปนี้ไปกัน 5 วัน 4 คืน เลยว่าจะแบ่งออกเป็น 4 ตอน
ความยาวต่อบล็อกจะได้ไม่ยาวเกินไป

คณะเดินทางประกอบด้วยพลพรรครักเอยรวม 10 ชีวิต
ขึ้นเรือบินไปลงหาดใหญ่ เหมารถตู้ไปต่อเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล
ตั๋วเรือบินนี่ขาไปบินกับแอร์ เอเชีย ขากลับกลับนกแอร์
ส่วนรถตู้พี่ผู้นำทริปเป็นคนจัดหาให้ คือตอนแรกที่จะไปดูแพ็คเกจของทางที่พักหลายๆ ที่
จะมีจัดเป็นแพ็คเกจรถรับ-ส่ง + เรือ + ดำน้ำ + อาหาร แต่ราคาค่อนข้างแพง
8 - 9 พันบาทเลยทีเดียว ท่านผู้นำของเราเลยจัดแพ็คเกจเอง ราคารวมจะถูกลงมาพอสมควร
เริ่มตั้งแต่ติดต่อหารถตู้ ติดต่อเรือที่จะพาไปดำน้ำ ซึ่งเป็นคนในพท. ราคาย่อมเยา
ที่พักก็หาเอง แยกพักออกเป็นสองที่ บนเกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน
ส่วนอาหารบนเกาะมีร้านที่รับทำข้าวกล่องอยู่ หรือสอบถามที่พักบางที่ก็มีรับทำ
ราคาอาหารต่อกล่องอยู่ที่ 80 - 150 บาท
สรุปรวมทริปนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมแล้ว เสียหายราวๆ 9 พันบาทต่อคน
เป็นทริปที่แพงที่สุดในชีวิต และสาบานได้ว่าราคานี้คือเที่ยวในเมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอน T^T

ขอแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ทราบกันตามลำดับการเดินทางละกันนะคะ
เผื่อใครสนใจนำไปเป็นแนวทางตั้งงบประมาณ
เริ่มที่ตั๋วเรือบินขาไปได้โปรโมชั่น จองกันยาวนานข้ามปี แอร์เอเชีย 350 บาท
ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง (เครื่องออก 6.40น.) ไปลงหาดใหญ่ ต่อรถตู้ที่ติดต่อไว้
รถตู้นี่คิดราคาเหมา 4000 ค่ะ หาร 10 คน ก็ตกคนละ 400 บาท
บริการรับจากสนามบินหาดใหญ่ไปท่าเรือปากบารา จ. สตูล
(และรวมขากลับมารับจากท่าเรือไปส่งโรงแรมที่หาดใหญ่ด้วย)


สำหรับเรือเฟอร์รี่เข้าเกาะ เราใช้บริการของ Lipe Furry & Speed Boat รอบ 11.30น.
ค่าโดยสารคนละ 900 (ไป - กลับ) เรือติดแอร์ค่ะ นั่งสบาย ไม่โดนแดดเผา ไม่โดนลมตีผมเงิบ
(เรื่องเรือติดแอร์ ไม่ติดแอร์นี่ไม่แน่ใจนะคะว่าทุกรอบไหม เพราะท่านผู้นำแจ้งว่า
ครั้งก่อนที่มาไม่ได้นั่งเรือมีแอร์แบบคราวนี้ อากาศร้อนทำให้หมดแรงเลยทีเดียว
ไม่รู้ทางบริษัทเขาติดตั้งแอร์ให้เรือทุกลำแล้วหรือยัง)
อ้อ สิ่งสำคัญสำหรับการไปขึ้นเรือนะคะ ต้องไปก่อนเวลาเรือออก 1 ชม.
ตอนนั่งเรือ พลพรรคก็ขึ้นไปชมวิว ถ่ายรูปกันบนดาดฟ้าเรือด้วย
ขึ้นไปนี่เงิบเลยค่ะ ลมแรงมาก พัดผมปลิวกระจาย เหม่งเปิดรับสายลม แสงแดดเต็มที่เลยทีเดียว



นั่งเรือประมาณ 1.30ชม. ก็ถึงโป๊ะเรือเกาะหลีเป๊ะ เราต้องลงเรือที่โป๊ะนี้
จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าเกาะอีกคนละ 20 บาท 
แล้วต่อเรือหางยาวลำเล็กแบบรูปด้านล่างเข้าเกาะอีกที
ค่าเรือหางยาวเข้าเกาะรู้สึกจะคนละ 50 หรือ 70 บาทเนี่ยล่ะค่ะ
(และเรือที่จะพาเราไปดำน้ำก็แบบนี้เลยค่ะ)


น้ำทะเลสวยมากกกกก เขียวสวยสดใสอย่างกับมรกต >w<


สำหรับคืนแรก เราเข้าพักที่ บันดาหยา รีสอร์ต (Bandhaya Resort)
ท่านผู้นำติดต่อที่พักไว้ล่วงหน้า เท้าแตะพื้นเกาะปุ๊บ ก็เห็นจนท. จากรีสอร์ต เอารถมารอรับแล้ว
โดดขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ที่พักกันเลย


ชายหาดด้านหน้าบันดาหยาสวยมากค่ะ ทรายนี่นุ่มละเอียดแน่นบั้ก!
เดินนี่ไม่มีเม็ดทรายกระเด็นอ่ะ นุ่มมากๆ ขาวมากๆ
ที่พักในบันดาหยาจะเป็นบ้านหลังๆ ค่ะ มีหลายระดับราคา
แน่นอนว่าคณะเราเลือกแบบที่ถูกสุด 55
ค่าที่พักที่นี่รวม 4 หลัง 9,600 บาท หาร 10 ตกคนละ 960 บาทค่ะ
ที่พักค่อนข้างสบาย บริการโอเค ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้หลายพันธุ์
มีสปา และนวดแผนไทยด้วย เสียแต่อาหารเช้าไม่ค่อยอร่อย


น้องเหมียวในรีสอร์ต จิกกล้องซะ


เหมียวอีกตัว จ้องอะไรอยู่ล่ะนั่น


ฟ้าสวย แดดเปรี้ยง


พาลูกๆ มาเที่ยวด้วย อิอิ บรรยากาศริมหาดหน้าบันดาหยาค่ะ


จ๊ะเอ๋ มาเดินเล่นฮาฟฟฟฟ

ถึงเกาะวันแรกไม่มีโปรแกรมอะไรพิเศษค่ะ กว่าจะถึงเกาะก็บ่าย 2 ได้
แน่นอนว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยหามื้อเที่ยงกินกันที่ถนนคนเดิน
เดินจากบันดาหยาไปไม่ไกลค่ะ ออกมาหน้าหาด เดินไปทางขวามือ
แต่ตอนบ่ายนี่ร้านรวงปิดกันเกือบหมดค่ะ มีร้านอาหารไม่กี่ร้านที่เปิดอยู่
เดินเข้าไปหลบร้อนใน 7-11 ถามพนง. ว่าร้านไหนอร่อย
น้องเขาแนะนำให้ลองร้าน "ฅนเล"
ร้านนี้ถ้าเข้าจากทางเข้าด้านชายหาด ร้านจะอยู่ซ้ายมือ แต่ถ้าเข้าจากทางเข้าอีกด้านจะอยู่ขวามือ
ใกล้ๆ 7-11 แหละค่ะ สังเกตป้ายร้านแบบในรูปเลย
(รูปนี้ถ่ายตอนกลางคืนอีกวัน)


จริงๆ ตอนเราไปนี่ร้านเขายังไม่เปิดนะคะ ข้าวยังหุงไม่สุกเลย แต่ด้วยความหิว
เหนื่อย และร้อน ทำให้พวกเราทำได้ทุกอย่างค่ะ
อ้อนวอนขอเข้าไปนั่งรอในร้าน เปิดที่กั้นร้านขอเข้าไปนั่งกันดื้อๆ เลยทีเดียว 55
อาหารร้านนี้อร่อยนะคะ ให้ 8 เต็ม 10 เลย แกงส้มปลาแบบใต้อร่อยมากกกก
(หม้อละ 300 ปลาอร่อยมาก ชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น) อาหารจานเดียวราคาอยู่ที่ 100 - 150 บาท
พวกกับข้าวก็อยู่ที่หลักร้อยอัพค่ะ ตอนเย็นที่ร้านมี seafood ขายด้วยนะ
กินเสร็จก็สั่งข้าวกล่องสำหรับเอาไปกินตอนไปดำน้ำอีกวันกับร้านนี้ด้วยเลย
เนื่องจากไม่ได้เหมาแพ็คเกจ ติดต่อเรือเอง เลยต้องเตรียมมื้อเที่ยงไปเองด้วย

อ่อ อีกเรื่องที่สำคัญที่ต้องเตรียมกันล่วงหน้าก่อนลงเรือไปเกาะ คือ "เครื่องดื่ม" ค่ะ
ของบนเกาะขายแพงมากกก แพงกว่าบนฝั่งหลายเท่าตัว ก่อนลงเรือเฟอร์รี่ แนะนำให้จัดหาน้ำเปล่า
หรือเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ เตรียมไปด้วยเลยนะคะ
อย่างตามร้านอาหาร พวกน้ำอัดลมเขาก็ขายกันเป็นกระป๋อง แบบขวดไม่มี
ร้านขายของชำก็พอมีบ้างค่ะที่ถนนคนเดินเนี่ยล่ะ แต่ราคาก็ยังสูงกว่าบนฝั่งอยู่ดี

กินข้าวเสร็จก็ซื้อน้ำแข็ง ซื้อขนมแล้วกลับไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย
เจอกันใหม่อีกทีตอนเย็นแดดร่ม ลมตก
และใช่ค่ะ เจอกันเพื่อไปหาอะไรกิน 555


ออกมา พระอาทิตย์กำลังตกพอดี วิวสวยจริงๆ

ชมพระอาทิตย์ตก ถ่ายรูปกันพอสมควร ก็ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันค่ะ
วันที่ไปนี่คนยังไม่คึกคักเท่าไร เดินสบายๆ
ร้านรวงส่วนใหญ่ก็ร้านอาหาร บาร์นั่งดื่มชิลๆ ร้านขายของที่ระลึก
ไม่มีอะไรน่าสนใจมากเท่าไรนักค่ะ


ปิดท้ายวันด้วยของหวาน โรตี! มีหลายร้านมาก แต่ละร้านนี่รสชาติหลากหลายละลานตาสุดๆ
ร้านที่ขอแนะนำถ้าจำไม่ผิดชื่อร้านนุช โรตีค่ะ เดินเข้าไปช่วงกลางๆ หน่อย
ร้านค่อนข้างใหญ่ ขายอาหาร และพวกน้ำปั่นด้วย
โรตีนูเทลล่ากล้วยหอม โรตีมะม่วง + กล้วย โรตีมะพร้าว ฯลฯ อร่อยมากค่ะ
เลือกรสชาติกันตาลายเลยทีเดียว
อิ่มท้องแล้ว ก็กลับที่พัก ตัวข้าพเจ้าขอนอนเอาแรงเผื่อไว้ดำน้ำในวันรุ่งขึ้น
ตอนไปกระบี่เมื่อหลายปีก่อนก็มีไปดำน้ำนะ แต่ตอนนั้นไม่กล้าลง กลัวค่ะ ว่ายน้ำไม่เป็น
ทริปหลีเป๊ะนี่ก็รอไปลุ้นหน้างาน ว่าจะลงไม่ลง 55
ติดตามทริปดำน้ำในตอนต่อไปนะคะ ตอนนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้
- สวัสดี-

Comments

  1. ค่ารถตู้แพงกว่าค่าเครื่องบิน 555+

    ReplyDelete
    Replies
    1. ก็ราคาเครื่องบินมันโปรโมฉัน เปรียบเทียบกันแบบนี้ เราแอบปวดใจเบาๆ 555555

      Delete

Post a Comment

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)