เชียงคาน...เมืองที่เวลาหยุดหมุน ตอน 1

จากครั้งแรกที่ได้รู้จัก "เชียงคาน" จาก twitter เห็นเขาพูดถึงกันจังก็ให้เกิดสงสัยว่ามันมีอะไรดีนะทำไมคนไปกันเยอะ จนเพื่อนที่ทำงานคนนึงที่เคยไปมาแล้วมาบอกว่า "ต้องไปเอง แล้วจะรู้" หลังจากรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ทริป Once Upon a Time in Chiang-Khan ครั้งแรกก็เกิดขึ้น 14 - 16 ม.ค. 2554 ผ่านไป 1 ขวบปีก็มีโอกาสได้เดินทางกลับไปเยือนเมืองเก่าเมืองนี้อีกครั้ง...
 
การเดินทางคราวนี้ไป 2 วัน 1 คืน (21 - 22 ม.ค.) มีสมัครพรรคพวกรวม 4 คน สมาชิกหน้าเดิมจากคราวก่อนไปได้เพียง 1 คน ที่เหลือติดภารกิจการงาน และไหว้เจ้าตรุษจีนกันหมด อีก 2 คนเป็นสมาชิกหน้าใหม่ ที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าด้วยกัน
 
เริ่มต้นเดินทางที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ไปกับรถ VIP ของบขส. เที่ยว 22:30น. วันที่ 20 ม.ค. (ค่าโดยสาร 691 บาท + ค่าบริการ Blisstel 30 บาท, จองตั๋วล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์) รถบขส. จะไปจอดตรงเชียงคานค่ะ ไปถึงเชียงคานตอนประมาณ 7:30น. ของวันที่ 21 ม.ค. อากาศสบายๆ ไม่ร้อน แต่ก็ไม่หนาว ตอนไปถึงยังมีหมอกจางๆอยู่ ตอนแรกถ้าไปถึงแต่เช้ามืด ตั้งใจกันว่าจะหารถขึ้นภูทอก ไปลุ้นดูเผื่อมีทะเลหมอกกันก่อนเลย เพราะว่าปีที่แล้วที่มาพลาดทะเลหมอกไปอย่างน่าเสียดาย (เดินทางมาถึงแต่เช้ามืด อากาศหนาวมากขนาดที่หายใจออกมาเห็นไอจางๆ จำได้ว่าประมาณ 14 - 17 องศาฯ แต่ด้วยความไม่รู้ บวกกับรอสมาชิกอีกคนที่จะเดินทางตามมาทีหลังก็เลยไม่ได้หารถขึ้นภูทอก ปรากฏว่าวันที่ไปถึงมีข่าวว่าทะเลหมอกสวยมาก แต่วันที่พวกเราขึ้นภูไปกลับไม่มี น่าเสียดายมากๆ) ครั้งนี้มาถึงสายขึ้นภูไม่ทัน ก็เลยตัดไปที่แผนสำรอง เอาสัมภาระไปฝากที่บ้านพักก่อน ว่าแล้วก็โดดขึ้นสกายแล็บ ค่าจ้างคนละ 20 บาท (สกายแล็บคือรถรับจ้างของที่นี่ค่ะ เป็นตุ๊กๆผสมมอ'ไซต์ คันนึงนั่งได้หลายคน) ราคารถโดยสารที่เชียงคานนี่ย่อมเยาค่ะ อยู่ในเกณฑ์พอรับได้
 
ในการเดินทางครั้งนี้ยังคงเลือกพักที่พักที่เดียวกับปีที่แล้ว "เจอเลย โฮมสเตย์" อยู่ตรงซอย 9 ค่ะ เดินออกซอยมาอยู่ตรงแยกริมโขงพอดี เป็นบ้านเล็กๆของคุณลุงคุณป้าผู้แสนจะน่ารัก อัธยาศัยดี ใจดีเป็นที่สุด แถมมีวิวดีๆอยู่ที่ชานด้านหลังบ้านติดริมโขง ถ้าไปพักที่นี่แนะนำให้จอง "ห้องริมโขง"ค่ะ ห้องนี้อยู่ริมสุดติดชานหลังบ้าน มองออกมาเห็นวิวแม่น้ำโขง ชิวสุดๆ (แกมีห้องพักหลักๆที่ชั้น 1 ทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องแอร์ 1 ห้อง คืนละ 600 บาท, ห้องธรรมดา (พัดลม) และห้องริมโขง (พัดลม) คืนละ 500 บาท ถ้าเกิดชั้นล่างเต็มล่าสุดลุงกับป้าทำห้องเพิ่มที่ชั้นบนให้พักเพิ่มเผื่อในช่วงที่นักท่องเที่ยวหนาแน่น จะไปโทรไปจองล่วงหน้าได้ค่ะที่เบอร์ 042-821-068 ถ้าโทรไปเจอคุณป้าเวลาคุยกับแกใจเย็นนิดนึงนะคะ แกจะมึนๆเล็กน้อย 555) ลุงกับป้าแกปรับปรุงบ้านเพิ่มด้วยค่ะ ติดมุ้งลวดเพิ่มทุกห้อง (เดิมจะมีมุ้งให้กาง ให้บรรยากาศคลาสสิคมุดมุ้งมากๆ น่าเสียดายเหมือนกันที่แกเอาออก) ส่วนห้องพัดลมที่อยู่ติดกับห้องริมโขง ล่าสุดแกขยับขยายรวมห้องน้ำเข้าไป กลายเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัว ถ้าพักห้องอื่นก็มีห้องน้ำรวมให้ใช้ค่ะ มีเครื่องทำน้ำอุ่นทุกห้อง
 
Tips: เวลาเลือกที่พักที่เชียงคาน แนะนำให้หาที่พักที่อยู่ติดริมโขงนะคะ บรรยากาศจะดี แล้วติดถนนคนเดินด้วยค่ะ (ถนนคนเดินจะอยู่ถนนเส้นที่อยู่ติดริมโขง)
 
 
"เจอเลย โฮมสเตย์"
 
ชานหลังบ้านติดริมโขง วิวดีๆ ชิวๆ ตอนมาถึงฝนเพิ่งหยุดตกไป :]
 
 
นี่เป็นรูปห้องพักที่ถ่ายเมื่อปี 54 ค่ะ ปัจจุบันห้องนี้ไม่ใช่แบบนี้แล้ว
ตรงกำแพงสีขาวจะลายเป็นส่วนของห้องน้ำไปค่ะ
 
พอเก็บกระเป๋า ล้างหน้าแปรงฟัน ทักทายลุงกับป้าเล็กน้อย เป้าหมายต่อไปมุ่งหน้าหามื้อเช้ากินค่ะ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน เริ่มที่ปาท่องโก๋ยัดไส้ก่อนเลย 55 จากบ้านลุงกับป้าเดินไปตลาดใกล้นิดเดียว หรือถ้าขี้เกียจเดิน เช่าจักรยานปั่นไปก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ปาท่องโก๋ยัดไส้นี่เนื้อแป้งเป็นแป้งปาท่องโก๋ ส่วนไส้จะมีวุ้นเส้น หมู เครื่องหมัก ทอดมาเสิร์ฟร้อน กรอบนอกนุ่มในหอมอร่อย
 
 
น่ากินไหมคะ ฮี่ๆ
 
แต่ว่าโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเจ้าปาท่องโก๋ยัดไส้นี่เป็นของดีประจำท้องถิ่นเหมือนขนมหม้อแกงเมืองเพชรไรงี้นะคะ จริงๆแล้วมันก็เป็๋นอาหารอย่างหนึงที่อร่อย และบังเอิ๊ญญญญมีการพูดถึงกันปากต่อปาก มันก็เลยกลายเป็นของยอดนิยมไป ลุงกับป้าบอกว่าพอเจ้านี่กลายเป็นของกินยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวติดอกติดใจ เพื่อนบ้านหลายคนก็มีปัญหากันเพราะเริ่มมีการแสดงความเป็นเจ้าของต้นตำหรับ ความเป็นเจ้าแรก ถึงขนาดมีการทำป้ายว่าของจริงต้องแบบนี้ ของปลอมแบบนั้น พอฟังแล้วก็เศร้าเนาะ :(
 
เสร็จสรรพจากปาท่องโก๋ยัดไส้ เราไปต่อกันที่ "ร้านสังขยาคุณแม่" อยู่ตรงซอย 9 ใกล้กับเจอเลย โฮมสเตย์นิดเดียวค่ะ เยื้องๆกัน ร้านนี้ขนมปังและสังขยาทำเองหมดค่ะ เครื่องดื่มก็พวกกาแฟ โกโก้ ชาผลไม้หอมๆ บรรยากาศร้านเก๋ๆดี (ที่ร้านนี้มี wi-fi ค่ะ ขอรหัสจากพี่เจ้าของร้านได้เลย -_-b)
 
สังขยาคุณแม่
 
เสร็จสรรพจากสังขยาชุดใหญ่ ก็แวะไปอาบน้ำซักหน่อย ก่อนออกไปเดินเล่นที่ริมโขง มีหลายจุดที่น่าเสียดายน่าจะมีการปรับปรุงหรือจัดแต่งสักหน่อย แต่วิวโดยรวมโอเคเลยค่ะ ยังชิว เย็นสบายเหมือนเดิม
 
 
ชบาริมโขง
 
 
พวงแสดด้านหลังร้าน "ลานลม"
 
 
วิวริมโขง สดชื่นนนนน >w<
 
มื้อเที่ยงเลือกกินที่ร้าน "ครัวศรีพรรณ" ค่ะ ร้านนี้อาหารอร่อย ราคาถูก อยู่ติดริมโขง นอกจากนี้ยังเป็นโฮมสเตย์ด้วยนะคะ ไปถึงก็กินเลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมารีวิว เป็นการยืนยันว่าอร่อยจริง และหิวจริง ถึงขนาดลืมถ่ายมาชาบูๆ 555 (ร้านนี้มี wi-fi เช่นกัน ขอรหัสได้เลยค่ะ แต่ตอนขอคุณลุงเจ้าของร้านบอกว่า เดี๋ยวนี้เชียงคานมี 3G แล้วนะ เล่นเอาอึ้งกันเป็นแถบๆ ประหนึ่งโดนหาว่าอิ๊ เชยจังนะมาขอ wi-fi 5555 ปล. 3G นี่มีจริงค่ะ ของเครือข่าย TRUE-H ของข้าพเจ้า TRUE ธรรมดา ขึ้น EDGE อย่างอืด ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ =3=)
 
ตอนบ่ายแยกกันพักผ่อนตามอัธยาศัย คนหนึ่งเลือกนอน อีก 2 คนไปนวด ส่วนข้าพเจ้านั่งเล่นอ่านหนังสือตรงชานหลังบ้านเจอเลย แล้วก็ถ่ายรูปเล่นเพลินๆ สบายตา สบายใจ
 
 
มองไปยังฝั่งลาว เพื่อนบ้านเราค่ะ
 
 
ล่องเรือหาปลา
 
 
 
พระอาทิตย์จะตกที่ด้านริมโขงค่ะ รอชมวิวสวยๆได้
 
ค่ำๆรวมพลกันอีกครั้ง กินอีกแล้วค่ะ 55 มื้อเย็นเราเลือกฝากท้องที่ "เฮือนหลวงพระบาง" (และเช่นเคยขอรหัส wi-fi ได้ค่ะ) ร้านนี้ราคาอาหารกลางๆ ไม่แพงมาก รสชาติก็อร่อยใช้ได้ มาเชียงคานแนะนำให้ลองสั่งปลาคังลวกจิ้ม เนื้อปลาจะนุ่มๆหวานๆ แต่หนังมันมากค่ะจะหนึบๆหนุบหนับเลี่ยนๆหน่อย ร้านอาหารอีกร้านที่อยากแนะนำคือร้านลุกโภชนา อยู่ในซอย 9 จากเจอเลย โฮมสเตย์เยื้องๆกันเดินข้ามไปนิดเดียว ร้านนี้ก็อร่อย ถูกด้วย
 
ตกเย็นประมาณ 5 โมงถนนริมโขงจะเริ่มคึกคัก พ่อค้าแม่ขาย ร้านรวงต่างๆจะเปิดร้านกันพร้อมเพรียง ถนนคนเดินนี่มีทุกศุกร์ - อาทิตย์ ถ้าโชคดีไปช่วงคนไม่เยอะมากก็จะได้เดินสบายๆ หรือเช่าจักรยานปั่นเล่นได้ ถนนยาวอยู่ค่ะ ดูร้านรวงต่างๆที่ตกแต่งสไตล์อาร์ทฯ บางร้านก็เก่าจริง บางร้านก็แกล้งเก่าด้วยการตกแต่ง แสงสีสวยดี ของกินรายทาง อร่อย ราคาประหยัด เผลอๆพูดคุยถูกคอมีแถม มีลดราคาค่า รักตรงนี้ ฮี่ๆ ของท้องถิ่นอารมณ์ประมาณ OTOP ของเชียงคานหลักๆที่นิยมซื้อหาเป็นของฝากเท่าที่เห็นจะมี 3 อย่างค่ะ คือ มะพร้าวแก้ว ผ้าขาวม้า และผ้านวมเย็บมือ ผ้านวมนี่เขาจะม้วนๆให้ขนาดกำลังดีไม่ใหญ่มากเกินค่ะ สามารถหิ้วกลับเป็นของฝากได้หากคุณไม่ได้มีสัมภาระติดมือมากมายนัก อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นเยอะมาก มีประดับตกแต่งแทบทุกร้านประหนึ่งเป็นมาสคอร์ตของเมืองนี้ก็คือ "ตุ๊กตาหมี" อาจจะเป็นเพราะว่ามันน่ารัก นักท่องเทียวนิยมถ่ายรูปกัน ก็เลยเลือกใช้ตกแต่งร้านเป็นการเชื้อเชิญให้คนแวะเข้าไปดูก็เป็นได้
 
จบวันกลับที่พัก เตรียมตัวนอนค่ะ ภารกิจวันรุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้าเพื่่อไปให้ทันดูทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอก พวกเราจะได้เห็นทะเลหมอกสมใจหรือไม่ ภารกิจจะลุล่วงหรือล้มเหลว 1 วันสุดท้ายในเชียงคานจะเป็นยังไง ติดตามต่อตอน 2 นะคะ ^o^

Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)