ศาสดาเบสต์เซลเลอร์ - คู่มือสำหรับแฟนมูราคามิ และผู้ที่คิดจะเริ่มอ่านงานของเฮีย

"ผมต้องออกจากญี่ปุ่นมาอยู่ที่อเมริกา
เพราะวงการวรรณกรรมญี่ปุ่นเขาชิงชังผมมากเหลือเกิน"
- ฮารูกิ มูราคามิ 
จากบทสัมภาษณ์สื่อมวลชนอเมริกัน
(ศาสดาเบสต์เซลเลอร์, หน้า 50, สนพ. ฟรีฟอร์ม)


ชื่อเรื่อง: ศาสดาเบสต์เซลเลอร์ ฮารูกิ มูราคามิ  (Haruki Murakami Study Book)
ผู้เขียน: 'ปราย พันแสง
สนพ. ฟรีฟอร์ม, พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2550

อะไรทำให้ชายคนนี้กลายเป็นนักเขียนขายดีติดอันดับเบสต์เซลเลอร์?!

จำไม่ได้แล้วว่าอะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจงานของนักเขียนคนนี้
แต่เล่มแรกที่อ่านถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย
อ่านจบก็เฮ้ยยย ชอบอ่ะ แล้วพอดีที่บริษัทมีพี่คนนึงที่เขาเป็นแฟนมูราคามิ
ก็ไปคุย แล้วก็ถามๆ ขอคำแนะนำเขาว่าควรอ่านอะไรยังไง ประจวบเหมาะกับทางสนพ. กำมะหยี่
เริ่มจะนำผลงานของมูราคามิมาตีพิมพ์ใหม่ ถือว่าโชคดีมากที่มีโอกาสได้ตามอ่านงานเฮีย
เพราะหนังสือเฮียแม้แต่มือสองนี่ก็หายากมาก และรู้สึกจะแพงมากด้วย
พี่คนที่ไปขอคำแนะนำบอกว่า บางคนอ่านงานของมูราคามิ แล้วไม่ชอบ บางทีก็เกลียดไปเลย
แต่ถ้าใครอ่านแล้วชอบ ก็จะติด แบบว่ารักเลย
ไม่น่าเชื่อว่างานเขียนของใครคนหนึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกสุดขั้วถึง 2 ทางได้ขนาดนี้

ในศาสดาเบสต์เซลเลอร์เล่มนี้ คุณปรายเธอรวบรวมบทความที่เคยตีพิมพ์ในมติชนมาให้อ่านกัน
บทความที่กล่าวถึง หรือแปลมาเกี่ยวกับนักเขียนชาวญี่ปุ่นท่านนี้
มีทั้งประวัติบางส่วน รายการผลงานตามลำดับปีที่ออก และบทสัมภาษณ์
แถมด้วยบทแปลจากเรื่องสั้นบางเรื่อง

มูราคามิเขียนนิยายจริงจังครั้งแรกตอนอายุ 29 ปี
สมัยเป็นนักศึกษาเขาก็เคยพยายามจะเขียน แต่ก็มีอันต้องล้มเลิกไป เพราะเขียนไม่ออก

"เมื่อผมคิดจะเขียนนวนิยายอย่างแน่วแน่แล้ว
ผมจึงต้องการคิดสร้างภาษาญี่ปุ่นแนวใหม่ขึ้นมาใช้ของผมเองด้วย
ผมไม่อยากใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบเดิมๆ ที่มีอยู่
เหตุที่ผมเขียนนวนิยายไม่ได้สักเล่ม จนกระทั่งอายุ 29 ปี
ก็เพราะต้องไปเสียเวลากับการคิดภาษาใหม่ที่ว่านี้อยู่นานมาก"
- ฮารูกิ มูราคามิ
(ศาสดาเบสต์เซลเลอร์, หน้า 50, สนพ. ฟรีฟอร์ม)

งานของมูราคามิได้รับอิทธิพลจากงานเขียน และวัฒนธรรมตะวันตกอย่างมาก
เป็นเหตุให้ในช่วงแรกถูกต่อต้านอย่างรุนแรงในญี่ปุ่นหลังจากที่งานเขียนของเขาตีพิมพ์ออกมา
อาจารย์เคนซาบุโร โอเอะเคยออกมาตำหนิอิทธิพลของวัฒนธรรมต่างชาติในงานเขียนของมูราคามิ
ว่าฉาบฉวย นักเขียนผู้มีชื่อเสียงอีกหลายท่านก็ออกมาต่อต้านเช่นกัน
กระแสต่อต้านที่รุนแรงส่งผลให้มูราคามิต้องย้ายออกจากญี่ปุ่นไปอยู่อเมริกา
ซึ่งอิทธิพลนั้นได้มาจากการที่มูราคามิชื่นชอบการอ่านวรรณกรรมตะวันตก เขาชี้แจงว่า
คงเพราะพ่อแม่ของเขาเป็นอาจารย์สอนวรรณกรรมญี่ปุ่น เขาก็เลยเป็น "กบฏ"
โดยการไม่อยากอ่านวรรณกรรมญี่ปุ่น
แหมะ อารมณ์ศิลปินมาเต็มนะเฮียนะ

ในขณะที่ผลงานไม่เป็นที่ยอมรับในญี่ปุ่น แต่กลับเป็นที่นิยมในหมู่นักอ่านอเมริกันอย่างมาก
ผลงานของเขาปัจจุบันได้รับการแปลไปหลายภาษา และเริ่มมีแฟนเป็นนักอ่านรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น
อารมณ์เปลี่ยวเหงา การออกตามหา ตัวละครประหลาดแนวแฟนตาซีอย่างมนุษย์แกะ
ปมเหตุการณ์ลึกลับปริศนา เรื่องราวแปลกประหลาดล้ำเหนือความคาดหมาย
ภายใต้การดำเนินเรื่องแบบ "เรียบง่าย" ตัวเอกเป็นผู้ชายที่ดูไม่น่าสนใจ และออกจะเป็นคนเฉื่อยๆ
ไวน์ชั้นดี ดนตรีแจ๊สชั้นเลิศ อาหารเลิศรส และ sex เหล่านี้เป็นองค์ประกอบเสริมที่มีอยู่ในผลงานทุกชิ้น

หากว่ามีใครถามว่าทำไมถึงชอบงานของมูราคามิ หรืองานของมูราคามินี่แนวไหน
มักจะประสบกับปัญหาใบ้กินทุกครั้ง บอกตรงๆ ว่าตอบไม่ได้
ไม่รู้สิ อ่านแล้วชอบอ่ะ มันมีสเน่ห์บางอย่าง
เรื่องเรียบๆ อึมครึม แต่ไหงมันถึงได้อ่านสนุกนักก็ไม่รู้
การรัก หรือชอบอะไรบางอย่าง หรือใครบางคน เราก็เพียงแต่รัก แต่ชอบ
มันไม่มีเหตุผลที่แน่นอน ที่บอกได้ว่าทำไม
อาจะเป็นเพราะกลิ่นอายความเหงา บาดแผลในเรื่องมั้ง
หรืออาจเป็นเพราะสไตล์ที่แปลกแหวกแนว
ไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวแฟนตาซี ลึกลับ เปิดเผยเฉลยเพียงบางส่วน

แต่ส่วนที่ไม่ชอบก็มีนะ อย่างเช่นที่อ่านแล้วอิ้ววววว สยิวกิ้ว ทุกครั้งก็เห็นจะเป็น
บทบรรยายลำลึงค์ของเฮียแกเนี่ยแหละ อะไรมันจะโจ๋งครึ่งขนาดนี้คะเฮีย
แล้วตามประสานักอ่านที่คาดหวังบทสรุปที่คลี่คลายทุกปมปริศนา
ก็ค่อนข้างจะจี๊ดๆ กับบทสรุปของนิยายของเฮียที่ไม่เคลียร์ทุกปม อมไว้ในบางอณู
ซึ่งโอเค ในชีวิตจริงคนเรามันก็ไม่ได้คำตอบในทุกเรื่องหรอก
แต่นี่นิยายไงเฮีย ไม่ใช่เรื่องสั้น ไม่ใช่ชีวิตจริง เฉลยมาเหอะนะ ฮือออ

ตอนนี้กำลังรอคอยชายไร้สีกับปีแสวงบุญฉบับภาษาไทยอย่างใจจดใจจ่อ
แม้จะได้ฉบับภาษาอังกฤษมาแก้เสี้ยนไปได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พอ
เสพติดงานเฮียละ ทำไงดี 55
แว่วๆ จากอัปเดทของทางเพจกำมะหยี่ ปีนี้ กับปีหน้าน่าจะได้อ่านผลงานเก่าๆ ของเฮีย
ที่จะนำมาตีพิมพ์ใหม่ อย่าง After the Quake 
แล้วก็ Hard-Boiled Wonderland and the end of the World
ใครรอกันอยู่ก็คอยตามข่าวจากทางเพจสนพ. กันได้
และนี่ !!! ทาง reader.co ขึ้นประกาศ coming soon แล้วสำหรับรวมเรื่องสั้น
วันเหมาะเจาะสำหรับจิงโจ้ (A Perfect Day for Kangaroos) 
แฟนๆ มูราคามิติดตามข่าวสารกันได้ คาดว่าพร้อมเมื่อไรน่าจะมีให้ pre-order กันเหมือนเคย

ใครสนใจจะอ่านศาสดาเบสต์เซลเลอร์ ฮารูกิ มูราคามิ
ทางฟรีฟอร์มเพิ่งจัดพิมพ์ใหม่ ครั้งที่ 2 เมื่อเร็วๆ นี้ ปกใหม่สวยดีนะคะ



เหมาะอย่างยิ่งกับแฟนๆ ผู้ชื่นชอบเฮีย และผู้ที่คิดจะเริ่มต้นหางานเฮียมาอ่าน
หรือแม้แต่ผู้ที่เกลียดหนังสือของมูราคามิก็น่าจะยิ่งควรอ่าน
เผื่ออาจจะเข้าใจแนวคิด หรือเปลี่ยนใจลองหางานแกมาอ่านดูใหม่สักที
ไม่ชอบเรื่องหนึ่ง ใช่ว่าจะเกลียดเรื่องอื่นตามไปทั้งหมดนี่ จริงไหม :)


Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)