ทะเลสาบ (The Lake) - เรื่องรักแบบเหงาๆ ของขุ่นป้ากล้วย

"...จนมาวันหนึ่งเราก็เริ่มสังเกตกันและกัน
และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ทักทายกันแล้ว
...และแล้ว เราก็ค่อยๆ เข้าใกล้กัน
ทีละหนึ่งมิลลิเมตร"
- Yoshimoto Banana, ทะเลสาบ (The Lake)


"ทะเลสาบ (The Lake)"
ผู้เขียน: โยชิโมโตะ บานานา
ผู้แปล: ฮิโรกะ ลิมวิภูวัฒน์
สนพ. เอิร์นเนสต์, พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2557

เป็นเรื่องบังเอิญที่หยิบเล่มนี้มาอ่านตอนครบ 1 ปีตีพิมพ์ครั้งแรก
อ่านแล้วชอบนะ เป็นนิยายเหงาๆ มีบาดแผล
แต่เจือไออบอุ่น ความเห็นใจ ความเข้าใจของคนสองคน
นาคาจิมะ กับชิฮิโระอาศัยอยู่คนละตึก
แต่หน้าต่างห้องของทั้งคู่หันเข้าหากัน
พวกเขาพบกันครั้งแรกผ่านหน้าต่าง
เริ่มต้นจากการทักทายเพียงเล็กน้อย ยิ้มให้ พยักหน้า
แล้วก็ค่อยๆ เขยิบเข้าหากันทีละนิดๆ
ชิฮิโระรู้สึกได้ว่านาคาจิมะคุงเคยประสบเหตุเลวร้ายบางอย่างในอดีต
ทำให้เขาเป็นคนแปลกๆ และไม่สามารถมี sex ได้
ชิฮิโระก็เพิ่งสูญเสียคุณแม่ไป
ความสัมพันธ์กับพ่อแม้ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่นับว่าใกล้ชิด
คนแหว่งๆ วิ่นๆ สองคนจะสามารถเติมเต็มกันและกันได้หรือเปล่า...

ตอนอ่าน "ทะเลสาบ" ก็นึกถึงโทนงานของเฮียมู
ถ้างานของเฮียเป็นนิยายเหงาๆ สายดาร์ก
งานของป้ากล้วยก็เป็นสายตรงข้าม
เป็นบรรยากาศเหงาๆ แต่ไม่เศร้าหม่น อ่านแล้วอบอุ่น โรแมนติก
อาจจะเป็นเพราะความอบอุ่นที่แผ่มาจากเรื่องราวของคุณแม่
ของทั้งนาคาจิมะ และชิฮิโระ
แม้ว่าความทรงจำเกี่ยวกับคุณแม่ของนาคาจิมะจะมีความขมขื่นปนอยู่ด้วย
แต่มันก็มีความงดงามของความเป็นแม่ ความรักของแม่
อ่านแล้วสะเทือนใจและเห็นใจ ในสิ่งที่นาคาจิมะและคุณแม่ต้องเจอ

"แต่แม่ด้านที่เป็นแม่ในอุดมคตินั้น
ยิ่งใหญ่เสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองนั้น
เล็กกระจิดริดเหลือเกิน
ถ้าผมขาดแม่ไปสักคน
ผมก็ไม่อาจอยู่อย่างนี้ได้จนถึงทุกวันนี้
ความรู้สึกขอบคุณต่อแม่นั้น
ถึงแม่จะยังมีชีวิตอยู่และผมมีเวลาทั้งชีวิต
ผมก็คงไม่สามารถแสดงความรู้สึกนี้ออกไปได้"
- Yoshimoto Banana, ทะเลสาบ (The Lake)

เป็นนิยายที่เหมาะกับคนที่เพิ่งจะเริ่มอ่านงานของนักเขียนญี่ปุ่นดีนะ
เท่าที่เคยอ่านมา โทนงานของนักเขียนญี่ปุ่นจะค่อนข้างเครียดๆ อ่ะ
แต่เรื่องนี้อย่างที่บอกว่าไม่ดาร์กมากขนาดทำให้อึดอัด
ชิฮิโระเป็นตัวละครที่มาลดความตึงเครียดลง
เป็นคนประเภทที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจน่ะ
แม้จะมีเรื่องให้คิดมากอยู่สักหน่อย มีความไม่สบายใจอยู่บ้าง
แต่เธอก็ไม่ได้คิด หรือทำอะไรที่หนักเกินไป
อย่างตอนที่รู้เรื่องคุณแม่ของนาคาจิมะคุง
ชิฮิโระก็ไม่ได้เสียอกเสียใจจนเกินพอดี หรือแสดงความเห็นใจแบบเสแสร้ง
หากอยากพูดก็จะฟัง ไม่อยากพูดเธอก็ไม่เซ้าซี้ซักถาม

สำหรับนาคาจิมะคุง เป็นตัวละครที่เหมือนจะซับซ้อน
เพราะปมแผลในใจ กับบุคลิกแปลกๆ ที่ดูเข้าถึงยาก
แต่ก็ออกจะเป็นคนตรงๆ อยู่นะ คิดอย่างไร ก็พูดออกมาไม่เสแสร้งเกรงใจ
มีช่วงหนึ่งที่ผู้เขียนเขียนบรรยายบริเวณทะเลสาบว่า
"นั่นคือ บรรยากาศของความรู้สึกเปลี่ยวอ้างว้างอย่างไร้ขอบเขต
และสภาพภูมิประเทศที่คล้ายดั่งการนำสิ่งที่ถูกทำลายไปแล้ว
ตั้งแต่ฐานรากมาปะติดปะต่อก่อร่างสร้างขึ้นใหม่อย่างหยาบๆ"
ตรงนี้อ่านแล้วรู้สึกว่า เหมือนผู้เขียนจะบรรยายถึงตัวนาคาจิมะคุง
และเพื่อนทั้งสองไปพร้อมๆ กันด้วยแฮะ

คนสองคนที่อาศัยอยู่คนละฝั่งตึก
หันไปมองเห็นกันและกัน มันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้สักแค่ไหนกัน
มองเห็น แล้วยังค่อยๆ ดึงดูดกันและกัน
ค่อยๆ เข้ามาใกล้ๆ กัน รักกันทีละนิด
คนที่ใช่ ในจังหวะเวลาที่ใช่ โรแมนติกดีเนาะ

มีอยู่ตอนหนึ่งที่เป็นจุดเล็กๆ ในเรื่อง
ที่อ่านแล้วสะเทือนใจ รู้สึกจี๊ดที่ใจเบาๆ
คือตอนที่ชิฮิโระบรรยายความเงียบของมิโนะคุง
(เพื่อนของนาคาจิมะ) ว่าเป็นความเงียบของคนที่
"คิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของใครเหมือนนาคาจิมะคุง"
เป็นจังหวะที่ชอบมากจัวหวะหนึ่งในเรื่อง
มันเป็นคำบรรยายสั้นๆ ที่แสดงภาพบาดแผลของพวกเขาได้ดี
เรื่องเลวร้ายที่พบเจอในวัยเด็กนั้น
จะส่งผลกระทบและฝังลึกในใจไปตลอดกาล
หากได้เจอคนที่เข้าใจและยอมรับเราที่เคยแตกหักเสียหายมาก่อนได้
นั่นนับเป็นความโชคดีอย่างที่สุด

"ถึงไม่ได้คิดอยากจะเป็นผู้ใหญ่ แต่คนเราก็เป็นผู้ใหญ่ไปเอง
ในขณะที่กำลังเลือกทางเดิน หนทางที่เลือกจึงเป็นเรื่องสำคัญ"
- Yoshimoto Banana, ทะเลสาบ (The Lake)


Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)