สวนสวรรค์ที่สาบสูญ: เดียวดายในความอ้างว้าง Jimmy Liao
"โลกนี้ช่างโหดร้ายต่อคนใจงามแต่หน้าตาอัปลักษณ์"
- Jimmy Liao, เดียวดายในความอ้างว้าง (สวนสวรรค์ที่สาบสูญ)
เรื่องและภาพ: Jimmy Liao
ผู้แปล: ชุตินันท์ เอกอุกฤษฎ์กุล
สนพ. อินสปายร์ (ในเครือนานมีบุ๊คส์), พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2549
หลังจากอ่าน "ฉันรักเธอ เพราะเธอรักหนังสือ" แล้วได้รู้จักกับหมีกากบาทใน "ความปวดร้าวอันงดงาม" ก็กลายเป็นแฟนผลงานของ Jimmy Liao ไปทันที ผลงานของเขาไม่ใช่หนังสือภาพโลกสวย แต่เป็นเรื่องเศร้า เหงาของบรรดาเด็กๆ ในสวนสวรรค์ที่สาบสูญ เด็กๆ เหล่านี้ค้นหาบางสิ่ง สูญเสียบางอย่าง และกำลังหลงทาง
ที่จริงแล้ว "เดียวดายในความอ้างว้าง" เป็นหนังสือเล่มแรกในชุดสวนสวรรค์ที่สาบสูญ หลังจากอ่าน "ความปวดร้าวอันงดงาม" ก็ไปตามหาเล่มอื่นๆ ในชุดมาจนครบ สั่งออนไลน์จากเว็บของนานมีบุ๊คส์นั่นแหละ ซึ่งโชคดีมากที่หาซื้อไว้ก่อน เพราะตอนนี้ไปเสิร์ชหาปรากฏว่าทางสนพ. งดจำหน่ายชั่วคราวไปแล้ว
ในเล่มนี้เราจะได้พบกับเรื่องราวของเด็กแว่น กับช้างสีชมพู พวกเขาทั้งคู่สวมแว่นสวยงาม หากแต่ว่าพวกเขาตาบอดทั้งคู่, เจ้าหัวซาลาเปา ผู้เบาปัญญา, หนูน้อยเชอร์รี่ผู้ได้ยินเสียงที่คนทั่วไปไม่ได้ยิน แต่กลับไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาได้ยินกัน, ปีเตอร์หนุ่มหล่อ ผู้เฝ้ารอความรัก, ลาน้อยผู้เกิดมาร่ำรวย พร้อมสรรพ แต่อัปลักษณ์, ต้นไม้ผู้ที่เดียวดายไร้คนเข้าใจ, ฮูลาล่า หมาที่อยากเป็นมนุษย์, ตัวกระดาษผู้มองเห็นแต่ความรัก พูดแต่คำหวานชื่น, และนางฟ้าลาล่าผู้ถูกสาบให้ติดอยู่ในตู้กระจก
เด็กบางคนมีความสุขอยู่ในโลกของตน แต่เด็กบางคนก็ทุกข์ทนหม่นเศร้า เด็กแว่นกับช้างสีชมพูแม้จะมองไม่เห็น แต่พวกเขาก็สัมผัสทุกอย่างได้ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ รับรู้ถึงรูปลักษณ์กลิ่นเสียงของสรรพสิ่งรอบตัว หากแต่ผู้เขียนก็ตั้งข้อสงสัย ในเมื่อมองไม่เห็น พวกเขาจะสวมใส่แว่นหลากสีแสนสวยไปทำไม? พวกเขามีความสุข มองไม่เห็นความเกลียดชังและความโหดร้ายของโลกใบนี้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วใช่ไหม? ส่วนลาน้อยโชคร้าย พระเจ้าหลงลืมมอบความงามให้เธอ หากแต่เธอก็ไม่เคยโทษพระเจ้า หรือขออะไรจากพระเจ้ามากไปกว่าขอให้เธอสวยขึ้นมากกว่านี้เพียงนิดเดียว เพราะเธอเกรงว่าจะทำให้พระเจ้าลำบากจนเกินไป เธออยากให้คนมองที่จิตใจอันงดงามของเธอ แต่ก็ไม่มีใครมองเห็น ทุกคนมองเพียงความอัปลักษณ์ของรูปร่างหน้าตาภายนอก ลาน้อยเป็นทุกข์ หมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาอยากจะสวยงามขึ้นมาอย่างเขาบ้าง หากลาน้อยละทิ้งความหมกมุ่น หันไปมองหรือทำอย่างอื่นบ้าง เธออาจพบว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายต่อคนอัปลักษณ์มากถึงเพียงนั้น เธออาจจะพบความสุข แม้ไม่มาก แต่ก็ให้ความชุ่มชื่นแก่ชีวิตเธอได้ เมื่อมีจิตใจดีงามต่อคนอื่น ทำไมถึงใจร้ายกับตัวเองแบบนี้ล่ะลาน้อย หากเพียงเธอคิดตามที่ออทั่มพูดให้ดีเพียงสักหน่อย
เด็กบางคนมีความสุขอยู่ในโลกของตน แต่เด็กบางคนก็ทุกข์ทนหม่นเศร้า เด็กแว่นกับช้างสีชมพูแม้จะมองไม่เห็น แต่พวกเขาก็สัมผัสทุกอย่างได้ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ รับรู้ถึงรูปลักษณ์กลิ่นเสียงของสรรพสิ่งรอบตัว หากแต่ผู้เขียนก็ตั้งข้อสงสัย ในเมื่อมองไม่เห็น พวกเขาจะสวมใส่แว่นหลากสีแสนสวยไปทำไม? พวกเขามีความสุข มองไม่เห็นความเกลียดชังและความโหดร้ายของโลกใบนี้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วใช่ไหม? ส่วนลาน้อยโชคร้าย พระเจ้าหลงลืมมอบความงามให้เธอ หากแต่เธอก็ไม่เคยโทษพระเจ้า หรือขออะไรจากพระเจ้ามากไปกว่าขอให้เธอสวยขึ้นมากกว่านี้เพียงนิดเดียว เพราะเธอเกรงว่าจะทำให้พระเจ้าลำบากจนเกินไป เธออยากให้คนมองที่จิตใจอันงดงามของเธอ แต่ก็ไม่มีใครมองเห็น ทุกคนมองเพียงความอัปลักษณ์ของรูปร่างหน้าตาภายนอก ลาน้อยเป็นทุกข์ หมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาอยากจะสวยงามขึ้นมาอย่างเขาบ้าง หากลาน้อยละทิ้งความหมกมุ่น หันไปมองหรือทำอย่างอื่นบ้าง เธออาจพบว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายต่อคนอัปลักษณ์มากถึงเพียงนั้น เธออาจจะพบความสุข แม้ไม่มาก แต่ก็ให้ความชุ่มชื่นแก่ชีวิตเธอได้ เมื่อมีจิตใจดีงามต่อคนอื่น ทำไมถึงใจร้ายกับตัวเองแบบนี้ล่ะลาน้อย หากเพียงเธอคิดตามที่ออทั่มพูดให้ดีเพียงสักหน่อย
"โลกใบนี้มีสิ่งสวยงามอีกมากมาย
ทำไมเธอหมกมุ่นอยู่แต่ความอัปลักษณ์ของตัวเองเล่า
เหนือสิ่งอื่นใด เธอมีจิตใจที่งามที่สุดในโลก"
- Jimmy Liao, เดียวดายในความอ้างว้าง (สวนสวรรค์ที่สาบสูญ)
ผลงานของ Jimmy Liao นับว่าไม่ธรรมดา เชื่อว่าอ่านแล้วแต่ละคนน่าจะมองเห็นแง่มุมต่างๆ กัน ในความเศร้ามีความสุข เปี่ยมล้นด้วยความเหงา เขาหยิบจับเรื่องราวในโลกแห่งความจริงที่อาจไม่สวยงามดั่งเทพนิยายมานำเสนอผ่านภาพสวยๆ และถ้อยคำกินใจ และอาจได้ย้อนคิด ว่าเราเองเคยทำให้ใครต้องรู้สึกแบบเด็กๆ ในสวนสวรรค์ที่สาบสูญ หรือแม้แต่เคยเป็นแบบเด็กๆ เหล่านี้บ้างหรือเปล่า
blog ที่เกี่ยวข้อง:
สวนสวรรค์ที่สาบสูญ: ความปวดร้าวอันงดงาม (Snow Falling)
Comments
Post a Comment