[รีวิว] สู่พิภพนิรันดร์ (The Age of Miracles) - Karen Thompson Walker

"ทุกสิ่งที่เธอ 'ต้อง' ทำในชีวิตนี้คือตาย
ทุกสิ่งที่เหลือเป็นทางเลือก" - มิสซิสพินสกี้
สู่พิภพนิรันดร์ (The Age of Miracles) - Karen Thompson Walker


"สู่พิภพนิรันดร์ (The Age of Miracles)"
ผู้เขียน: Karen Thompson Walker
ผู้แปล: ปัทมา อินทรรักขา
แพรว สนพ., พิมพ์ครั้งที่ 1

เล่มนี้ซื้อมาตอนไหน ก็จำไม่ได้ รื้อเจอแล้วก็งงว่าซื้อมาด้วยเหรอ
คาดว่าน่าจะซื้อมาเพราะปก และสติ๊กเกอร์ Selected เนี่ยล่ะ
นึกว่าจะเป็นแนว sci-fi fantasy ปนรักโรแมนติกอะไรเทือกนั้น

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกค่อยๆ เริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ
ทุกสิ่งที่สั่งสมมากำลังเริ่มส่งผลให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
"การชะลอตัว" นักวิทยาศาสตร์เรียกมันอย่างนั้น
เวลาในแต่ละวันเพิ่มขึ้น เริ่มจากไม่ถึงชม. ก่อน
ฝูงนก ปลาวาฬ ตายเป็นเบือ แมลงเพิ่มจำนวน
พระอาทิตย์ค้างฟ้านานขึ้นเรื่อยๆ สภาพอากาศแปรปรวน ฯลฯ
จูเลีย เด็กสาวอายุ 11 อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในแคลิฟอร์เนี่ยร์
เธอต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รอบด้าน
ทั้งการก้าวเข้าสู่วันแรกรุ่น เพื่อน รักแรก ครอบครัว
และภาวะชะลอตัวของโลก

เรื่องราวถ่ายทอดผ่านบันทึกความทรงจำของจูเลีย
เริ่มจากจุดเริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏ
ความแตกตื่นของผู้คน และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
สลับกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
และความสัมพันธ์ของเธอกับเซธ รักแรกของเธอ
พล็อตเรื่องดีนะ แต่เดินเรื่องไม่สนุก
ถ้าจะให้ชัดเจน ก็คงต้องเปรียบกับกราฟเส้นที่มีรอยโค้งในระดับที่น้อยนิด
ไม่มีจุดพีค ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น
แต่เดาเอาว่าอาจจะเป็นคอนเซ็ปที่ผู้เขียนต้องการให้เป็นไปอย่างนั้น
เพราะนี่คือบันทึกความทรงจำ
และเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เป็นไปอย่างช้าๆ
ผู้คนตึงเครียด รอรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
และช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป
การที่ผู้เขียนถ่ายทอดสภาวะนั้นออกมาได้สมจริง
ความรู้สึกที่ว่ามันไม่มีอะไรเลย อ่านแล้วก็รอลุ้นว่าจะมีอะไรตื่นเต้นเกิดขึ้น
นั่นน่าจะเป็นอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครที่สื่อออกมา
ตื่นตัวรอคอยสัญญาณหายนะของโลก

อีกอย่าง เรามองเรื่องราวความเป็นไปในเรื่องในฐานะ "คนอ่าน" หรือ "คนนอก"
และคนไทยเราอาจจะไม่ค่อยตระหนักในภัยพิบัติแบบนี้เท่าฝรั่งเขา
เลยทำให้ไม่ค่อยอินกับเรื่องเท่าไร
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราจริง คิดว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่องนี่ก็น่าจะนับเป็นหายนะได้แล้วแหละ
แค่ทุกวันนี้อากาศร้อนทีนี่ก็ร้อนแสบผิว แทบจะทนกันไม่ไหวแล้ว
หากกลางวันยาวนานขึ้นจาก 12 ชม. เป็น 24 / 48 ชม. หรือ 2 สัปดาห์ล่ะ?
หากพระอาทิตย์ไม่ยอมตก และกลางคืนเดินทางมาไม่ถึง
เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ มนุษย์เราจะเอาชีวิตกันไปได้ไหม
ต้องใช้เวลาปรับตัวกันเท่าไร อย่างไร ถึงจะคุ้นเคยกับวันคืนแบบนั้น

ส่วนที่อ่านแล้วชอบก็มีนะ
ความสัมพันธ์ของจูเลีย กับเซธเองก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป
รักแรกแบบเด็กๆ (แก่แดด) ความเศร้าของการพลัดพราก
คิดว่าตอนที่อ่านแล้วมีความรู้สึก มีชีวิตชีวามากที่สุดในเรื่อง
ก็เห็นจะเป็นช่วงที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่เนี่ยล่ะ
บันทึกเล่มนี้น่าะจะมีขึ้นเพื่อถ่ายทอดความทรงจำของจูเลีย และเซธ

บางทีถ้าจะให้เหตุผลว่าทำไมเราถึงควรอ่านนิยายเล่มนี้
ก็คงเป็น เพื่อให้เราตระหนักถึงคุณค่าของ "เวลา"
การดูแลใส่ใจซึ่งกันและกัน
และผลจากการกระทำของมนุษย์ที่กระทำต่อโลก
การจะฟื้นฟู คงเป็นไปได้ยาก
แต่การรักษาไม่ให้มันเลวร้ายลงไปมากกว่านี้ยังพอทำได้
ขอแค่ทุกคนช่วยกัน เพื่อยืดเวลาให้โลกของเรา และตัวเราเอง


Comments

Popular posts from this blog

[Spoiler Alert] เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) สปอยล์แหลกตามคำขอของน้อง

เจ้าชายน้อย (Le Petit Prince) หนังสือดีๆ อีกเล่มที่อยากแนะนำให้อ่าน

ลำนำรักเทพสวรรค์ ภาค หนึ่งคำมั่น สัญญานิรันดร์ (Promise Me a Forever)